ค้าปลีกไอทีบุกหนัก ตลาดภูธรเจาะรากหญ้า

ถึงแม้ว่าภาพรวมค้าปลีกไอทีในปีนี้จะลดลงอย่างน้อย 20-30% ซึ่งถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ปีก่อนหน้านี้ตลาดหดตัวลงประมาณ 10% ซึ่งเป็นปัญหาจากหนี้ครัวเรือน และการใช้จ่ายของประชาชนที่ต้องมีภาระค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ค้าเกือบทุกรายต้องหากลยุทธ์ในการปรับธุรกิจ เพื่อให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวนอยู่

สมพงษ์ สุทธิเชื้อชาติ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดิจิแลนด์ กล่าวว่า บริษัทมองเห็นโอกาสในตลาดไอทีที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ากำลังซื้อในด้านสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีไม่สูงมากนัก แต่ทุกรายก็ยังต้องการที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และบริษัทเองก็มองว่ายังมีกำลังซื้อในพื้นที่ต่างจังหวัดอยู่อีกมาก จึงเกิดแนวคิดขยายตลาดผ่านรถดีดีทูยูนั้น ซึ่งเป็นรถแฟรนไชส์ที่จะวิ่งเข้าไปในชุมชนระดับอำเภอ ซึ่งจะจอดขายประจำจุดต่างๆ อย่างน้อย 2-3 แห่ง/วัน เช่น งานวัด มหาวิทยาลัย โรงเรียนหรือตลาดนัดกลางคืน

สำหรับต้นทุนการซื้อแฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 2 แสนบาท ตั้งเป้าปีแรก 4 คัน/เดือน และ 200 คันใน 3 ปี ครบเส้นทางต่างๆ ใน 77 จังหวัด และจะให้เส้นทางรถวิ่งในระยะทางเฉลี่ย 50 ตารางกิโลเมตร

“พันธมิตรทางธุรกิจของเราหลายราย ยังเชื่อมั่นในช่องทางออนไลน์มากกว่า เพราะการขายสินค้าผ่านรถยนต์เคลื่อนที่แบบนี้ เรามองว่าต้องอาศัยในเรื่องของเครือข่ายและสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่รูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์นี้ ยังมีความใหม่ในประเทศไทย เรากล้าการันตีว่าเป็นรายแรกและรายเดียวในไทย แต่ความแปลกใหม่และเจาะพื้นที่ตามต่างจังหวัดได้มากกว่าช่องทางออนไลน์ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางธุรกิจที่เข้าถึงลูกค้าระดับท้องถิ่น ได้มากกว่าเดิม เพราะคนกลุ่มนี้อาจจะไม่สามารถเดินทางเข้ามาในเมือง หรือตัดสินใจซื้อทันทีเมื่อมีความต้องการ”  สมพงษ์ กล่าว

ขณะที่ นิธิพัฒน์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า ในภาพของตลาดแอคเซสเซอรี่มีโอกาสการเติบโตแน่นอน หากเข้าถึงลูกค้าปลีกย่อยตามต่างจังหวัด เพราะราคาสินค้าไม่สูงนัก ลูกค้าต่างจังหวัดก็มีกำลังซื้อที่ดี แต่หากเป็นสินค้าไอทีอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ ยังไม่มีการคาดการณ์ได้ว่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดมีแนวโน้มกลับมาดีมากน้อยแค่ไหน

“ต้องยอมรับว่าในปีที่ผ่านมา กำลังซื้อในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ค่อนข้างอิ่มตัว และพื้นที่ย่อยตามต่างจังหวัดก็มีการซื้อขายสินค้าได้ดีขึ้น การมีรถขายสินค้าเข้าไปตามพื้นที่ย่อยที่แบรนด์เข้าไปไม่ถึงก็ถือว่าเป็นแนวทางที่ดี แต่ผมยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะเจาะเข้าไปในกลุ่มพื้นที่ใดบ้าง แต่เชื่อว่าสินค้าในกลุ่มแอคเซสเซอรี่ อย่างเช่น SD การ์ด, ปลั๊กพ่วง, หูฟัง ราคาไม่สูงมากและเข้าถึงคนที่หลากหลายได้แน่นอน” นิธิพัฒน์ กล่าว

ทางด้านแหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมค้าปลีกไอที กล่าวว่า เมื่อหลายปีก่อน เคยมีผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและโอเปอเรเตอร์ เคยทำรูปแบบการตลาดผ่านรถยนต์แบบนี้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ทำให้ต้องปรับมาใช้กลยุทธ์ออนไลน์ที่ดีและแปลกใหม่กว่า

“การให้บริการสัญญาณเครือข่ายที่ขยายพื้นที่ให้บริการของทางโอเปอเรเตอร์หลายราย เริ่มครอบคลุมพื้นที่ในต่างจังหวัดมากขึ้น ดังนั้น หากผู้ให้บริการสินค้าพัฒนารูปแบบให้แปลกใหม่และน่าสนใจ จะกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อมากขึ้น ส่วนการขายแอคเซสซอรี่นั้น เนื่องจากมีจำนวนร้านค้าในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ค่อนข้างมากแล้ว การเข้าถึงในพื้นที่ย่อย ก็อาจจะเป็นโอกาสเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ได้ เพราะราคาต่อชิ้นไม่สูงและลูกค้ามีความคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงไม่ยากต่อการตัดสินใจ” แหล่งข่าวเปิดเผย

ทั้งนี้ สมพงษ์ ยังกล่าวอธิบายถึงรูปแบบธุรกิจอีกว่า รูปแบบการขายสินค้าไอทีในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้นถือว่าแปลกใหม่ เพราะเจ้าของสินค้าสามารถบริหารจัดการสินค้าและโปรโมชั่นได้เอง ซึ่งสินค้า
แอกเซสเซอรี่จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลัก 10-1,000 บาท หากเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาขายตั้งแต่หลักหมื่นขึ้นไป บริษัทจะจัดส่งสินค้าให้แก่ผู้ค้าภายใน 3 วัน เพราะมีพันธมิตรที่ทำงานด้านขนส่งเตรียมพร้อมตลอดเวลา

ดิจิแลนด์ เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับค้าส่งไอทีมานานกว่า 22 ปี และขยายสู่ตลาดค้าปลีกไอทีรายย่อยขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ สำหรับรายได้ปี 2556 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท โดยบัญชีจะปิดงบประมาณในเดือน มิ.ย. คาดว่ายอดรายได้ของปี 2557 จะอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ลดลง 20% แต่หลังจากมีธุรกิจใหม่เข้ามา จึงตั้งเป้าโตไว้ที่ 40% นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทยังมีแผนเจาะตลาดกลุ่มสินค้ามือถือ ในแบรนด์จีนที่ราคาไม่แพง เช่น เอซุส และอัลคาเทลด้วย เพราะราคาเครื่องไม่สูงมาก และมีฟังก์ชั่น ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ครอบคลุม

กลยุทธ์บุกตลาดภูธร ด้วยแฟรนไชส์รถโมบายคราวนี้จะเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรากหญ้าได้แค่ไหนคงต้องรอดู