TTCLติดปีกโรงไฟฟ้าพม่าหนุน

TTCL ถึงเวลาติดปีกหลังเซ็นสัญญาสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินพม่า งานยักษ์กว่า 9.1 หมื่นล้าน แหล่งสร้างรายได้ยาว

นายฮิโรโนบุ อิริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีซีแอล (TTCL) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามในสัญญาการลงทุนใหม่กับ Department of Hydropower Planning กระทรวงพลังงานไฟฟ้าพม่า ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน ประเภท Ultra Super Critical (USC) ตลอดจนการดำเนินงานโรงไฟฟ้า

ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้า USC Coal-Fired กำลังผลิต 1,280 เมกะวัตต์ ซึ่งในการก่อสร้างจะมี 2 เฟส เฟสละ 640 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมด 9.1 หมื่นล้านบาท หรือ 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเป็นงานก่อสร้าง 7.5 หมื่นล้านบาท หรือ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับส่วนที่เหลือจะเป็นในเรื่องของไฟฟ้า และจะเป็นโรงไฟฟ้าที่จะใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะต้องมีการนำเข้าถ่านหินประมาณ 4 ล้านตัน/ปี ซึ่งโรงไฟฟ้านี้จะตั้งอยู่ที่รัฐมอญ และจะใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างแบบ Ultra Super Critical จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่สะอาด

ผู้บริหาร TTCL กล่าวว่า การที่บริษัทบรรลุข้อตกลงและมีการเซ็นสัญญาในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกับพม่า ถือว่าเป็นโครงการที่มีความสำคัญมากกับบริษัท และถือว่าเป็นโครงการที่รอคอยและล่าช้ามากว่า 1 ปี

นายฮิโรโนบุ กล่าวว่า หลังจากโครงการนี้มีความชัดเจนก็จะเป็นโครงการที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาวและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ รวมถึงโครงการนี้จะเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญของบริษัทในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินดังกล่าวถือเป็นโครงการลงทุนที่จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งในการเข้าไปพัฒนาโครงการนี้บริษัทจะเข้าไปลงทุนโดยใช้บริษัทย่อยคือ โตโย-ไทยพาวเวอร์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งในสิงคโปร์

ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมการที่จะนำบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในปี 2559 และจะใช้เวลาประมาณ 4 ปี และจะเริ่มรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าของการก่อสร้างที่คาดว่าจะใช้เวลา 4 ปี และหลังจากนั้นจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเกิดขึ้นเมื่อโรงไฟฟ้าก่อสร้างและมีการผลิตเชิงพาณิชย์

นอกจากนี้ ในการเข้าไปดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่พม่า บริษัทจะดึงพันธมิตรจากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมถือหุ้นในโครงการดังกล่าวด้วย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดทางให้ญี่ปุ่นเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 40% และ 60% จะถือโดยบริษัท

“โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ใหญ่และต้องใช้เงินลงทุนสูง จำเป็นต้องเปิดทางให้พันธมิตรเข้ามา และในการลงทุนก็จะใช้เงินกู้ประมาณ 3 เท่า และส่วนทุนประมาณ 1 เท่า ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการลงทุนโรงไฟฟ้าที่จะใช้เงินกู้เป็นหลัก”

บริษัทยังมีวงเงินที่สามารถออกหุ้นกู้ได้อีก 3,000 ล้านบาท ซึ่งหากมีจังหวะเหมาะสมก็พร้อมที่จะดำเนินการ

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำให้ซื้ิอ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 36.70 บาท และมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกมาก

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ TTCL ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องรับข่าวดังกล่าว ส่งผลให้ติดเกณฑ์ต้องวางเงินสดก่อนซื้อหุ้นทั้งจำนวน (แคช บาลานซ์) ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.-29 พ.ค.นี้