KTM ตระกูล DUKE!เกิดมาเพื่อ RACE!

เรื่อง : ภรวิธ เศรษฐบุตร / ภาพ : KTM Austria

ต้องยอมรับกันเลยทีเดียวในนาทีนี้ว่าตลาดรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่หรือ “บิ๊กไบค์” และ “ซูเปอร์ไบค์” ในบ้านgikนั้นหอมหวลชวนให้ค่ายต่างๆ ต้องชายตามองเพราะล่าสุด KTM จากประเทศออสเตรียได้จัดงานใหญ่เพื่อประกาศว่าพวกเขาคือหนึ่งในตัวจริงของรถ ประเภท เน็กเก็ต นอกอนาเขตโซนยุโรปเป็นครั้งแรกและเขาก็เลือกประเทศไทยเป็น สถานที่จัดงานระดับช้างครั้งแรก

THE DUKE IT 2015 คืองานเปิดตัวรถตระกูล DUKE ที่ขายดีที่สุด ตลอดกาล ของ KTM จากประเทศออสเตรีย (ที่นี่ไม่มีจิงโจ้นะฮะ!) มียอดจำหน่าย 160,000 คันในปี 2014 และ 82,652 คันในช่วงสามปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น ที่โรงงาน KTM ในประเทศ อินเดียผลิตได้ถึง 100,000 คันเรียบร้อยแล้ว

KTM DUKE มีทั้งหมด 7 โมเดล เริ่มตั้งแต่รุ่นเล็กไปหารุ่นใหญ่ Duke 125, 200, 390, 690, 690R, Super Duke 1290, Super Duke 1290R และ Super Duke1290 R Racing edition

งานนี้ KTM  นำรถทั้งหมดมาให้สื่อมวลชนจากทั่วโลกได้สัมผัสทั้งบนถนนและ ในสนามในประเทศไทย ยกเว้นรุ่นเดียวคือ Duke 125 ที่มาแค่โชว์ตัวเพราะไม่ได้ทำตลาด ในบ้านเรา

KTM บอกว่า งาน “The Duke It 2015” นั้นมีวัตถุประสงค์ที่จะบอกถึงคอนเซ็บ ของการออกแบบให้ผู้ใช้เข้าใจถึงความเป็นมาของการพัฒนารถตระกูล DUKE มากขึ้น

สโลแกน “Ready to Race” ของ KTM นั้นไม่ใช่สิ่งลวงตาเพราะจากที่ผมเคย สัมผัส Duke 200, 390  และ 690 บอกได้เลยว่ารถทุกรุ่นจะเปลี่ยนนิสัยเจ้าของไม่ช้าก็เร็ว คือถ้า ขี่ชิวๆ รอบต่ำๆ จะหงุดหงิดครับ ต้องมีรอบสูงๆ ทุกอย่างถึงทำงานนิ่มนวล ฟังดูแปลก แต่มันคือเรื่องจริงครับ

KTM บอกกับโพสต์ทูเดย์ ว่า พวกเขาได้ลงทุนเพิ่มในโรงงานของพวกเขาที่ยุโรป เพราะยอดขายในปี 2014 นั้นประสบความสำเร็จอย่างมากและ เขาตัดสินใจขยายออก สู่ตลาดโลกอย่างชัดเจนมากขึ้นด้วยการเพิ่มศักยภาพในการผลิตด้วยเม็ดเงินกว่า 85ล้าน ยูโรที่โรงงานเมือง Mattighofen ในปีเดียวกัน

พื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตรได้ถูกจัดสรรให้ฝ่ายพัฒนาและออกแบบ มีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นกว่าอีก  2,200 อัตราทั่วโลก และยังมีแผนส่งทีมลง สู้นศึก MotoGP ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใหม่ในศึก Moto3 เพราะลงแข่งอยู่แล้ว

KTM Duke นั้นถือว่าเป็นรถประเภทรถที่ใช้บนถนนทั่วไปเพราะเป็นรถที่ไม่มี แฟริ่งและท่านั่งที่หลังตรง เบาะนั่งสบายในสไตล์ที่จมลงไปบนตัวรถ เพื่อให้ผู้ขับขี่มี ท่านั่งที่ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับรถไม่ใช่นั่งลอยอยู่บนตัวรถ

แต่สิ่งที่สำคัญมากๆ ของ KTM Duke คือนิสัยของพี่น้องตระกูลนี้ที่เน้นใช้ เครื่องยนต์ลูกสูบเดี่ยวแต่พละกำลังมหาศาล นั่นก็คือ Duke 125, 200, 690, 690R ส่วน Super Duke 1290 ทั้งหมดจะเป็นสองสูบที่กระโดดไปที่ 1300ซีซี

 

DUKE DNA

Duke ถือกำเนิดครั้งแรกในปี  1994 และ พัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันโดย KTM บอกว่าเป็นโมเดลที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับตลาดรถเซ็กเมนต์นี้เพราะครอบคลุม ตวามต้องการของทุกคนได้ 

การออกแบบนั้นเน้นที่น้ำหนักเบาแต่แรงพร้อมด้วย เฟรมถัก (Trellis Frame) ที่ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถที่จัดจ้านแบบ Duke

KTM Ready to Race นั้นชัดเจนว่ารถทุกรุ่นของพวกเขาแรงพอที่จะกระโจน ลงสนามแข่งได้ทุกรุ่นโดยไม่จำเป็นต้องหมอบและยังถูกสร้างมาให้สู้กับโค้งทุกชนิด

DUKE FAMILY
125 Duke: เฉพาะในยุโรป สูบเดียว 125 ซีซี กับ 15 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ
200 Duke: สูบเดียว 200 ซีซี กับ 26 แรงม้า ที่ 10,000 รอบ
390 Duke: สูบเดียว 393 ซีซี กับ 44 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ เครื่องยนต์มีน้ำหนักเพียง 36 ก.ก. มาพร้อม slipper clutch
690 Duke: สูบเดียว 690 ซีซี กับ 68 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ
690 Duke R: สูบเดียว 690 ซีซี กับ 70 แรงม้า ที่  7,500 รอบ
1290 Super Duke R: สองสูบวี 1,301ซีซี กับ 180 แรงม้า ที่ 8,870 รอบ เครื่องยนต์มี น้ำหนักเพียง 62 กก มาพร้อมระบบอีเลคโทรนิคและไรดิ้งโหมด สามารถเซ็ทอัพ ได้สามแบบคือ Race, Style และ Touring

ส่วนการทดสอบครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผมเคยสัมผัสมาเพราะเป็นการทำ ความเข้าใจกับนิสัยของรถทั้งตระกูลซึ่งได้ผลพอที่จะตอบโจทย์ที่ผมตั้งคำถามไว้ในใจ

TEST RIDE

KTM วางแผนให้เราขี่ 200 Duke ออกจากที่พักเพื่อวอร์มร่างกายพร้อมกับ ทำความคุ้นเคยกับรถที่มีแรงม้าจากน้อยไปหามาก ไม่เลวสำหรับการเริ่มต้นครับ

 200 DUKE

เราขี่ 200 Duke เป็นขบวนตามกันไปตามถนน local road จากที่พักไป สนามแข่งรถ โบนันซ่าอิเตอร์เนชั่นแนลสปีดเวย์ ร่วม  30 กม. เพียงพอที่จะรู้สึกว่า  200  Duke 2015 ดูจะจัดจ้านกว่าโมเดลเก่า

 

390 DUKE

ที่สนาม โบนันซ่าฯ ผมเปลี่ยนเป็น 390 Duke ที่มาพร้อม การปรับปรุงใหม่ ให้ดีกว่าเดิมเช่นมี slipper clutch มาให้ป้องกันการล๊อคของล้อหลังเมื่อรถเสียการทรงตัว เบาะที่ถูกเสริมให้หนาขึ้นทำให้นั่งสบายขึ้นเป็นต้น

390 Duke นั้น มีกำลังเครื่องยนต์ที่มากพอที่จะขับขี่ทางไกลได้ การขับขี่ขึ้น อุทยานฯ เขาใหญ่นั้น ทาง KTM ได้ทำการขออนุญาต อุทยานฯ เรียบร้อยและต้องขับขี่ อย่างระมัดระวังควบคุมความเร็วตามกำหนด เบาะนั่งสบายขึ้นจริง การใช้พละกำลัง ในการขึ้นเขาที่ชันไม่เป็นปัญหาแต่อย่างได รู้สึกปลอดภัยเพราะกำลังเครื่องไม่เยอะเกินไป

แต่การเลือกใช้เกียร์บนเขาก็ต้องปรับตัวนิดหน่อยเพราะถ้าคำนวณผิดไม่ลดเกียร์ให้พอดีก็หมดกำลังขึ้นเขาได้ง่ายเพราะเครื่องที่เล็กขนาด  373 ซีซี ที่ให้มา

390 Duke มีน้ำหนักเบา จอด เข็นง่าย ยิ่งบนเขาดูจะสบายกว่ารถใหญ่ อย่างเห็นได้เชัด

690 DUKE

เบาสูงมากสำหรับผมที่พกความสูงมาแค่ 160 ซม. เหนื่อยกับการเตะขาตั้งขึ้น แต่ตอนเอาลงไม่ค่อยมีปัญหาอะไรปรับตัวได้ 690 เป็นรถสูบเดียวขนาดใหญ่ที่มา พร้อมพละกำลังที่มากเกินตัว การขี่รอบต่ำๆ เครื่องยนต์จะมีอาการสั่นต้องเร่งรอบสูงๆ ทุกอย่างจะ smooth ขึ้น แต่บนเขาใหญ่ช่วงเช้า บนถนนที่คดเคี้ยวและแคบชันต้อง ละเอียดเรื่องของการเปิดและปิดคันเร่งเพราะความ “จัด” ที่มาเป็นนิสัย

สิ่งที่ต้องทำคือปรับตัวเข้าหา  690 Duke ครับแล้วรับรองว่าคุณจะหลุดพ้นความ รู้สึกไม่ไว้ใจออกไป เมื่อนั้นแหละ คุณจะเข้าสู่โหมดของความมันส์

690 DUKE R

อันนี้หล่อจริง เพราะท่อ สลิปออน  Akapovich ที่ให้มานั้นเพิ่มเสียงที่ดุดัน นุ่มลึก แต่ไม่ดังแสบแก้วหู พร้อมครอบเบาะท้ายสวยงามกับสติ๊กเกอร์ตัว “R” และล้อแม๊กสีส้มที่จะทำให้คุณ รู้สึกพิเศษและจะลืมตัวธรรมดาไปเลย

690 Duke R นั้นผมทดลองขับขี่ที่สนามแข่งรถ โบนันซ่าฯ เพราะใช้ตัวธรรมดา ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถึงตอนนี้เริ่มเขาใจ ถึงการที่ได้ปรับตัวเข้าหารถจากรุ่นเล็ก ไปหาใหญ่ตามที่ KTM วางคอนเซ็บไว้และกลไกของการปรับตัวก็เริ่มทำงานเพราะรถที่ แรงขึ้นนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ กับต่อการต่อกรกับม้าที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด

690 Duke และ Duke R มีท่านั่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีแฮนด์บาร์ที่สูง และกว้างแต่ที่พักเท้าหรือเกียร์โยงนั้นถูกเซทให้ไปข้างหลังมากขึ้นเหมือกับว่าจะให้ท่านั่งดูกึ่งๆ เรซซิ่ง เพราะฉะนั้นการเข้าโค้งของ 690 Duke จะหล่อสไตล์ Supermoto นิดๆ

เครื่องยนต์ 690 ซีซี กับ 70 แรงม้าของตัว “R” นั้น จี๊ดจ๊าดจนทำให้คุณแปลกใจ ในสนามนั้นอาการสั่นไม่มีให้เห็นครับแน่นอนว่าเพราะไม่มีการใช้รอบต่ำๆ อีกต่อไปนั่นเอง

 

1290 Super Duke R

“The beast” คือ ชื่อเล่นที่น่ารักน่ากลัวของ Super Duke R ที่ KTM ตั้งให้  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะลงไปสู้กับ “ปีศาจ” ตนนี้ในสนาม

KTM ได้ อดีตนักแข่งจากรายการใหญ่ระดับโลกอย่าง Jeremy McWilliams ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการพัฒนา “The Beast”  มาดูแลงานนี้โดยเฉพาะจึงไม่น่า แปลกใจว่าทำไมมันถึงได้ สมญานามนี้เพราะถ้าไม่โหดจริง KTM คงเสียหน้าไปแล้ว

จากเดิมตัวม้า 70 ตัว จะถูกเพิ่มมาอีก 110 ตัว คิดแล้วก็อดเสียวไม่ได้ KTM ใส่ระบบความปลอดภัยมาให้เต็มแม๊ก

แต่ความจริงที่เรารู้กันคือไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็น ‘เทพ’  เลย Super Duke R จึงมีโหมดการขับขี่มาให้ 3 โหมดคือ Rain, Street และ Sport ซึ่งหลังจากที่เช็คดู Super Duke R ไม่ได้ทอนแรงม้าลงสำหรับโหมดที่ต่ำกว่า Race Mode แต่ปรับระดับ traction control ให้มากที่สุดสำหรับ Rain โหมด และน้อยลงตามลำดับไปที่ Street โหมด และ Sport ตามลำดับ ซึ่งทุกอย่างถูกปิดหมดได้ทุกเมื่อถ้าคุณพร้อมสำหรับ Sport Mode

Super Duke R เป็นรถเน็กเก็ตที่ดีที่สุดโมเดลหนึ่งก็ว่าได้ ส่วนตัวผมชอบรถเบา แต่แรง อันนี้ตอบโจทย์ทันที แฮนด์บาร์ที่ต่ำลงมากกว่า 690 อย่างชัดเจนทำให้ท่านั่งโน้ม ไปด้านหน้าเป็น sport มากขึ้น ระบบความปลอดภัยทำงานได้ดีสยบอาการล้อล๊อค หรือยกได้อย่างไม่มีที่ติ โดยเฉพาะสภาพสนามวันนั้นไม่ค่อยสมบูรณ์นัก
และ Super Duke R จึงจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าประเภทนี้ติดมาเพราะในโลกของ ความเป็นจริงเรามีโอกาส "พลาด" ได้ตลอดเวลา

Super Duke R ไม่ได้เน้นแรงอย่างเดียว ความสวยงามก็ได้รับการเน้นเช่นกันเช่น โคมไฟหน้า LED ที่เป็น Day Light สวยงามเพิ่มความปลอดภัยบนถนนได้อย่างดีอีกด้วย

1290 Super Duke R Racing

ไฮไลท์ของ The Duke It 2015 อยู่ช่วงสุดท้ายของการทดสอยในสนามกับ 1290 Super Duke R Racing ที่แต่งมาเต็มทั้งเครื่องยนต์ กล่อง ท่อ full system จาก Akapovich พร้อมยางสลิ๊ค มีราคาค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 24,000 ยูโร โดยประมาณ

โหมดทุกอย่างถูกปิด ทำให้ Super Duke R Racing มีแรงม้าอยู่ไม่ต่ำกว่า สองร้อยแรงม้าอย่างแน่นอนและเมื่อลงไปทำความรู้จักกันในแทรคก็ชัดเจนว่าความแรง ของรถนั้นคือ “จุดสุดยอด” ของรถ Super Naked อย่างแท้จริง ถ้าไม่ละเอียดกับการใช้ คันเร่งกระแทกออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าล้อหน้าจะยกทันที การออกจากโค้งสู่ทางตรงนั้นถือว่า แรงกว่าตัว “R” ธรรมดา อย่างเห็นได้ชัด

ถือเป็นประสบการณ์ชั้นยอดที่ได้สัมผัสรุ่นพิเศษตัวท็อปของ KTM หากลูกค้า สนใจคงต้องสั่งพิเศษกับทาง Kunka Corporation ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็น ทางการแต่เพียงผู้เดียวหรือศูนย์บริการ KTM ทั่วประเทศแล้วล่ะครับ

 

 

บทสรุป

The Duke It 2015 ถือเป็นการแนะนำรถ KTM ตระกูล Duke ที่สมบูรณ์แบบซึ่ง Post Today ขอสรุปว่า KTM เป็นค่ายรถที่ชัดเจนในเรื่องของอารมณ์ของรถและพวกเขา ก็สร้าง Duke ทุกรุ่นตั้งแต่ 200 ถึง 1290 ให้มีหัวใจเดียวกันคือ Racing และที่สำคัญ KTM  ไม่ยอมที่จะอ่อนข้อให้ผู้ใช้รถ KTM เพราะเขาไม่ยอมเสียภาพพจน์ของ “Ready to Race” อย่างแน่นอน!