กระดาษอิเล็กทรอนิกส์
ในโลกที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุคอิเล็กทรอนิกส์ จากเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันมากขึ้น ที่ยังรวมถึงการเขียนและอ่านหนังสือ ที่ในอนาคตอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพากระดาษที่ผลิตขึ้นจากวัสดุธรรมชาติอีกต่อไป เมื่อมีกระดาษอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้น
ในโลกที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุคอิเล็กทรอนิกส์ จากเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันมากขึ้น ที่ยังรวมถึงการเขียนและอ่านหนังสือ ที่ในอนาคตอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพากระดาษที่ผลิตขึ้นจากวัสดุธรรมชาติอีกต่อไป เมื่อมีกระดาษอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้น
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือทีซีดีซี นำเสนอบทความแนวโน้ม กระดาษอิเล็กทรอนิกส์ คือ สื่อที่มีฟังก์ชั่นการอ่านและเขียนเอกสาร ที่คาดกันว่าจะมาทดแทนการใช้กระดาษได้ในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันมีการคิดค้นพัฒนามากยิ่งขึ้น
ผู้ผลิตญี่ปุ่นได้สร้างโมเดลล่าสุดที่มีทั้งฟังก์ชั่นการแชร์ข้อมูล นัดประชุมสำหรับบริษัท และเปลี่ยนการจดเลกเชอร์ในโรงเรียนให้กลายเป็นเวิร์กช็อปที่นักเรียนได้มีส่วนร่วมได้ด้วย ทุกวันนี้การใช้กระดาษสำหรับจดบันทึกนั้นน้อยลงเรื่อยๆ จึงมีการวิจัยในภาคอุตสาห กรรมที่พัฒนาวัสดุใหม่มาทดแทนกระดาษ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นรูปแบบของ “กระดาษในอนาคต” ที่ นักวิจัยชาวญี่ปุ่นเล็งเห็นว่าจะเป็นจริงได้ในอนาคตอันใกล้นี้
กระดาษอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้เราไม่ต้องวุ่นวายกับการบริหารจัดการเอกสารแบบเดิมๆ ตั้งแต่การพิมพ์เอกสารบนกระดาษ แจกจ่ายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำกลับมาแก้ไข จัดเก็บ
รื้อขึ้นมาใหม่ และทำลายทิ้งในที่สุด
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราใช้กระดาษอิเล็กทรอนิกส์นี้ในการประชุมของบริษัท เราสามารถนำส่งบันทึกการประชุมให้แก่ผู้เข้าประชุมผ่านทางเครือข่ายไร้สาย บันทึกนั้นสามารถนำไปแก้ไขและหารือต่อไปได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เพราะทำให้เราไม่พลาดไอเดียใหม่ๆ ถ้าเราใช้เทคโนโลยีนี้กับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย อาจารย์จะสามารถตั้งคำถามสั้นๆ ในระหว่างที่กำลังเลกเชอร์อยู่ เพื่อดูว่านักเรียนมีประเด็นหรือข้อสงสัยตรงไหนที่ไม่เข้าใจ จะได้ปรับเนื้อหาการสอนให้เข้าใจง่ายขึ้นได้
ในขณะที่สังคมในปัจจุบันค่อยๆ ลดการใช้กระดาษในการบันทึกเอกสาร และเริ่มมีการใช้กระดาษเพื่อจุดประสงค์อื่นแทน กระดาษ CNF (Cellulose Nano Fiber) ได้รับความสนใจในฐานะวัสดุใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำจากวัตถุดิบเดียวกันกับกระดาษธรรมดา เยื่อของไฟเบอร์นี้ถูกนำมาคลายจนเป็นระเบียบและลดขนาดลงมา โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางเหลือเพียงแค่ 4-20 นาโนเมตร (1 นาโนเท่ากับ 1 ในพันล้าน)
นอกจากนี้ วัสดุที่เราเรียกว่า CNF คือส่วนที่เป็นผนังเซลล์ของพืช มีน้ำหนักแค่ 1 ใน 5 ของเหล็ก แต่แข็งแรงกว่าถึง 5 เท่า หลายประเทศทำการวิจัยค้นคว้าเพื่อใช้ประโยชน์จาก CNF ในสาขาต่างๆ เช่น นำไปใช้กับรถยนต์เพื่อให้โครงสร้างรถเบา แต่แข็งแรงขึ้น เป็นต้น
หากเรานำระบบนี้มาใช้จริง ชีวิตมนุษย์คงจะสะดวกขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย เราจะสามารถใช้ผ้าม่านหรือเสื้อผ้าเพื่อผลิตพลังงานในชีวิตประจำวัน เราอาจไม่จำเป็นต้องชาร์จโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป และอาจผลิตมือถือที่บางเฉียบเท่าแผ่นกระดาษได้ในอนาคต ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tcdc.or.th