posttoday

เกษตรฯปรับโครงสร้าง 3 สินค้าประมงมูลค่ากว่า 1 แสนล้าน

18 มีนาคม 2558

เกษตรฯ เดินหน้าปรับโครงสร้างสินค้าประมง นำร่อง “หอยแครง กุ้งทะเล และปลานิล”หนุนเข้าระบบ “แปลงใหญ่”หวังลดต้นทุนหนุนตลาด 3 รายการมูลค่าปีละกว่า 1 แสนล้านบาท

เกษตรฯ เดินหน้าปรับโครงสร้างสินค้าประมง นำร่อง “หอยแครง กุ้งทะเล และปลานิล”หนุนเข้าระบบ “แปลงใหญ่”หวังลดต้นทุนหนุนตลาด 3 รายการมูลค่าปีละกว่า  1  แสนล้านบาท

นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า  ได้ให้กรมประมงทำโครงการปรับโครงสร้างและพัฒนาการผลิตสินค้าประมง   ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย เกษตรแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรฯที่ต้องการส่งเสริมการร่วมกลุ่มเกษตรกรเพื่อลกต้นทุนการผลิต และพัฒนาสินค้าคุณภาพ  ร่องในสินค้า3 ชนิด ได้แก่ กุ้งทะเล หอยแครง และปลานิล เนื่องจากสินค้าทั้ง 3 ชนิด  เป็นสินค้าภาคประมงที่มีมูลค่าสูงในการทำรายได้ให้กับประเทศ แต่ที่ผ่านมาต้องประสบกับอุปสรรคทั้งด้านการค้า ความเสียหายจากโรคระบาด ขาดศักยภาพในการแข่งขัน จึงทำให้เสียโอกาสในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด

ทั้งนี้สินค้าประเทศไทยเคยครองแชมป์การส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลก  แต่เจอปัยหาโรคตายด่วนได้กุ้งทำให้ผลผลิตลดลงจากผลิตได้ปีละ 4.5 แสนตันในปี  2551 -5 4 กว่า 50 % ในปัจจุบัน ในขณะสินค้าปลานิล ซึ่งแม้จะมีการขยายตลาดไปได้มากแล้ว แต่ผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้ง ยังต้องยกระดับมาตรฐานการผลิตให้เป็นที่ยอมรับอีกด้วย  ส่วนหอยแครง ถือเป็นสินค้าที่ทำรายได้สูงถึงปีละกว่าพันล้านบาท แต่ปัจจุบันพื้นที่เลี้ยงเริ่มเสื่อมโทรมขาดการฟื้นฟู ประกอบกับวิธีการเลี้ยงที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความเสียหายกับเกษตรกรอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งให้กรมประมงหารือกับจังหวัดเพื่อร่วมกันฟื้นฟูพื้นที่เลี้ยง

นายปีติพงศ์ กล่าวว่า การร่วมผลิตเป็นเกษตรแปลงใหญ่ตามนโยบายของรมว.เกษตรฯนั้น ในปี 2558  จะดำเนินการทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง โดยมุ่งเน้นเป้าหมาย 4 ด้าน คือ ลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เกิดระบบตลาด และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้เกษตรกร สำหรับลักษณะการดำเนินงานที่สำคัญของเกษตรแปลงใหญ่ คือ การรวมกลุ่มของเกษตรกรเจ้าของพื้นที่แปลงเล็กให้เกิดการรวมกลุ่มกลายเป็นการบริหารร่วมกันในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ทำการเกษตรชนิดเดียวกัน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น ทั้งการจัดหาปัจจัยการผลิต และการจำหน่ายผลผลิต  โดยมีภาครัฐเป็นผู้จัดการ เพื่อให้ผลผลิตเข้าสู่มาตรการการผลิตที่ดีหรือ(จีเอพี) และการเชิ่อมโยงตลาด 

นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะผู้กำกับโครงการ กล่าวว่า โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลอย่างครบวงจร ดำเนินการในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ และตราด มีกิจกรรมที่ดำเนินการ 5 กิจกรรม ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 26ล้านบาท โดยวางเป้าหมายให้ผลผลิตของกุ้งทะเลในพื้นที่เพิ่มขึ้น  50%  และเกษตรกรสามารถลดต้นทุนลงได้   10 % โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งผลิตหอยแครง ดำเนินการที่จังหวัดเพชรบุรี ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 70 ล้านบาท โดยกำหนดเป้าหมายให้มีการฟื้นฟูพื้นที่เลี้ยงหอยแครง จำนวน 9,920 ไร่ สร้างแหล่งพ่อแม่พันธุ์ (Seed Bed) ได้เพิ่มขึ้น 1 แหล่ง และเกษตรกรสามารถลดต้นทุนได้อย่างน้อย 10 %  และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงปลานิลแบบครบวงจร ดำเนินการในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย กาฬสินธุ์ ชลบุรี และนครศรีธรรมราช ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 22 ล้านบาท โดยกำหนดเป้าหมายให้มีผลผลิตปลานิลเพิ่มขึ้น 10%  สามารถลดต้นทุนการเลี้ยงปลานิลได้อย่างน้อย 10 % 

สำหรับมูลค่าตลาดสินค้าประมง 3 ตัวนั้นสินค้ากุ้งทะเลมีผลผลิตปีละประมาณ  2 แสนตัน มูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท หอยแครงผลิตได้ปีละมากกว่า  5.6 หมื่นตันมูลค่าประมาณ  2.2 พันล้านบาทและปลานิลผลผลิตปีละ 1.1 หมื่นตัน มูลค่าประมาณ 1พันล้านบาท

ข่าวล่าสุด

ผลบอล โยเคเรสซัดโทษ! อาร์เซน่อล1-0 เอฟเวอร์ตัน,ลิเวอร์พูล 2-1