posttoday

ติวเตอร์เน็ตเวิร์ก โมเดลใหม่ ‘สอนพิเศษ’

15 มีนาคม 2558

ทำไมโรงเรียนกวดวิชาถึงเติบโต? คำตอบที่ได้ยินประจำ คือ ระบบการศึกษาไทยไม่เอื้อต่อการสร้างความรู้ในห้องเรียน

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

ทำไมโรงเรียนกวดวิชาถึงเติบโต?

คำตอบที่ได้ยินประจำ คือ ระบบการศึกษาไทยไม่เอื้อต่อการสร้างความรู้ในห้องเรียน และครูที่สอนไม่ดี

สะท้อนชัดจากงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้รับการจัดสรรมากที่สุดกว่าทุกกระทรวง แต่คุณภาพการศึกษาของเด็กไทยกลับไม่กระเตื้องตาม 

ข้อมูลที่น่าตกใจจากเวทีเศรษฐกิจโลกปี 2556 พบว่า การศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยอยู่อันดับที่ 6 ในระดับใกล้เคียงกัมพูชา!!

ขณะที่หนึ่งในนโยบายการศึกษายุคปฏิรูปนี้ยังคงรณรงค์ให้ปี 2558 เป็นปี “ปลอดนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้” อยู่

ติวเตอร์เน็ตเวิร์ก โมเดลใหม่ ‘สอนพิเศษ’

 

คุณภาพการศึกษาย่ำแย่ เด็กไทยจมปลักอยู่กับสงครามสนามสอบ อีกด้านพบว่าธุรกิจกวดวิชาได้ขยายตัวสูงขึ้น ไม่เฉพาะเด็กโต แต่ลงลึกไปถึงเด็กเล็กแล้ว จนรัฐบาลต้องเรียกเก็บภาษีเป็นครั้งแรกจากโรงเรียนติวเตอร์เหล่านี้

รูปแบบของกวดวิชา การสอนพิเศษ มีพัฒนาการที่ซับซ้อนมากขึ้น จากครูที่กลายเป็นติวเตอร์เปิดโรงเรียนกวดวิชาเอง ก็ขยับมาเป็นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย จับกลุ่มรุ่นพี่ติวให้รุ่นน้อง กลายเป็นเปิดรับสอนกันเป็นเรื่องเป็นราว

สถานที่สอนพิเศษ เดิมที่สอนกันที่บ้าน ก็พัฒนามาเป็นที่โรงเรียน ที่มหาวิทยาลัย สวนสาธารณะ ทุกวันนี้หากไปเดินตามห้างสรรพสินค้าจะเห็นวัยรุ่น คนหนุ่มสาว จับกลุ่มติวกันทั้งในร้านฟาสต์ฟู้ด ร้านกาแฟ

นอกจากติวเตอร์ที่เป็นปัจเจกบุคคลแล้ว ยังมีการจัดตั้งนิติบุคคล เกิดโรงเรียนกวดวิชาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด มีการวางหลักสูตรมาตรฐาน นำเทคโนโลยีสื่อสารทางไกลมาประยุกต์ ใช้ระบบธุรกิจเข้ามาบริหารจัดการอย่างเต็มที่ พ่วงด้วยการตลาดสร้างจุดเด่น อ.คนโน้น อ.คนนี้ นับวันยิ่งเติบโต

ติวเตอร์เน็ตเวิร์ก โมเดลใหม่ ‘สอนพิเศษ’

 

ไม่เพียงแต่โรงเรียนกวดวิชาที่มีการวางระบบจัดการอย่างดีแล้ว ทุกวันนี้ยังมีอีกรูปแบบคือ “กลุ่มติวเตอร์” ที่มีการรวมเครือข่ายและวางระบบการจัดการอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มี Contact Point ผ่านเว็บไซต์ เพียงแค่เสิร์ชคีย์เวิร์ดง่ายๆ เช่น “รับสอนพิเศษ” “สอนพิเศษที่บ้าน” ฯลฯ ในกูเกิล ก็จะเจอกลุ่มติวเตอร์หรือสถาบันติวเตอร์เหล่านี้โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอมากมาย

หากสำรวจรายละเอียดเข้าไปในแต่ละเว็บไซต์จะพบว่าส่วนใหญ่จะเน้นจุดขาย คือมีนักศึกษาจากสถาบันชื่อดังต่างๆ มาเป็นติวเตอร์ สอนแบบตัวต่อตัว การตั้งชื่อกลุ่มหรือชื่อเว็บไซต์ก็จะอิงตามชื่อสถาบันความน่าเชื่อถือ เช่น มีคำว่า จุฬาฯ หรือ Chula แล้วหาคำอื่นๆ มาพลิกแพลงใส่

นอกจากนี้ จะมีรายละเอียดหลักสูตรและค่าบริการชัดเจน เช่น หลักสูตรอนุบาล-ประถม 180 บาท/ชม. มัธยมต้น 200 บาท/ชม. มัธยมปลาย 250-300 บาท/ชม. ไม่เท่านั้น ยังมีหลักสูตรพิเศษ เช่น ติวเข้าโรงเรียนสาธิต หลักสูตรติวเพิ่มเกรด หลักสูตรติวสอบวิชาเฉพาะ บางแห่งมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น หลักสูตร2 ภาษาคิดราคาเพิ่ม 25 บาท/ชม. หลักสูตรอินเตอร์ฯ คิดราคาเพิ่มขึ้น 50 บาท หรือเรียนเพิ่ม 1 คน คนที่เพิ่มเหลือครึ่งราคา เป็นต้น

กลุ่มติวเตอร์หรือเว็บไซต์เหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร มีการจัดการอย่างไร ได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด นับเป็นพัฒนาการรูปแบบการสอนพิเศษที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ติวเตอร์เน็ตเวิร์ก โมเดลใหม่ ‘สอนพิเศษ’

“ก้องเกียรติ จิราภัย” ผู้ก่อตั้ง chulatutordelivery.com เครือข่ายติวเตอร์เจ้าแรกที่มีรูปแบบการจัดการลักษณะนี้ เล่าให้ฟังว่า chulatutordelivery เริ่มต้นจากการรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ นักศึกษา 7 คน รับสอนพิเศษหารายได้เสริมเมื่อ 7 ปีก่อน ในปีแรกยังไม่ได้จัดตั้งเครือข่ายเช่นนี้ เพียงแต่รับงานติวทั่วไป กลุ่มลูกค้าก็คือผู้ปกครองที่รู้จักกันมาจ้างให้ไปสอนลูกๆ และขยายเป็นการบอกปากต่อปาก ช่วงแรกมีรายได้ประมาณ 5,000-1 หมื่นบาท แต่ก็ถือว่ายังไม่เพียงพอ

นอกจากนี้ ยังเจอปัญหาคือคนไม่พอสอน และปัญหาการเดินทางที่บางครั้งไปสอนแล้วรายได้ต่อชั่วโมงไม่คุ้มกับค่าเดินทาง

ปีต่อมาจึงมีการพัฒนารูปแบบให้มีลักษณะคล้าย Marketplace จับคู่แมตชิ่งระหว่างคนสอนกับคนเรียน จัดตั้งเครือข่ายติวเตอร์ขึ้นจากหลายๆ มหาวิทยาลัย แล้วทำการโปรโมท chulatutordelivery อย่างเต็มรูปแบบ มีการตั้งหัวหน้ากลุ่มคอยบริหารป้อนลูกค้าให้ติวเตอร์ในแต่ละพื้นที่ โดยดูจากทำเลที่ตั้ง เช่น หากเด็กอยู่ศาลายา ก็ป้อนงานให้ติวเตอร์ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ถ้าอยู่ในเมืองก็มีทั้งติวเตอร์ที่เป็นนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังจัดสรรงานตามวิชาที่ผู้ปกครองต้องการให้สอน ลักษณะติวเตอร์ที่ลูกค้าต้องการ เช่น เด็กขี้อายต้องการติวเตอร์ผู้หญิงไปสอน หรือเด็กซนหน่อยก็ต้องการติวเตอร์ดุๆ ไปสอน เป็นต้น แล้วจัดสรรให้ไปสอนตามความเหมาะสม ถ้าลูกค้าไม่พอใจ ก็สามารถขอเปลี่ยนตัวติวเตอร์ได้หลังการสอนครั้งแรกอีกด้วย

“วิธีการรวมเครือข่ายติวเตอร์ของเรา ส่วนใหญ่ 70% มาจากการบอกต่อแบบปากต่อปาก ส่วนอีก 30% เป็นการสมัครมาด้วยตัวเอง ซึ่งเราก็จะมีการทดสอบความรู้ และทดสอบลักษณะว่าเหมาะสมกับการสอนหรือไม่ หลักๆ ก็ดูว่าเคยมีประสบการณ์การสอนหรือเปล่า และวิธีการรับมือเด็กแต่ละแบบจะทำอย่างไร ซึ่งถ้าทดสอบไม่ผ่านเราก็จะเทรนด์ให้”

ทุกวันนี้ chulatutordelivery มีเครือข่ายติวเตอร์ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ ประมาณ 5,000 คน รับสอนทุกระดับชั้นและทุกวิชา รูปแบบการสอนจะต่างจากโรงเรียนกวดวิชาคือลูกค้าไม่ต้องเดินทาง และเป็นการสอนตัวต่อตัว ซึ่งสะดวกต่อการวิเคราะห์และปรับจุดอ่อนของนักเรียนแตกต่างกันไป

สำหรับสัดส่วนลูกค้า ก้องเกียรติ แจกแจงว่า ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเมืองประมาณ 65% และปริมณฑล 30% อาทิ บางบัวทอง ทวีวัฒนา สมุทรปราการ นนทบุรี ส่วนอีก 5% เป็นกลุ่มลูกค้าที่อาศัยในต่างจังหวัด ซึ่งบางครั้งก็ต้องสอนผ่านสไกป์ด้วย

“ลูกค้าส่วนใหญ่จะมากันแบบปากต่อปาก ตอนนี้ 80% จะเป็นการสอนตามบ้าน เพราะผู้ปกครองอยากให้เรียนที่บ้าน จะได้อยู่ในสายตา ไม่ต้องกลัวเด็กเหลวไหลและไม่ต้องเดินทาง ส่วนใหญ่กลุ่มนี้จะเรียนคนเดียว แต่ยังมีอีก 20% ที่ไปติวกันนอกบ้าน ส่วนใหญ่จะที่สยามและสีลม ตามห้างสรรพสินค้าและร้านกาแฟซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะจับกลุ่มเรียนกับเพื่อน 2-3 คน หรือไม่ก็แล้วแต่ความสะดวกของผู้เรียนและผู้สอน” ก้องเกียรติ กล่าว

ค่าบริการจะเริ่มต้นที่ 200 บาท/ชม. ตั้งแต่ระดับอนุบาล-ป.6 ส่วนระดับที่สูงขึ้นมาก็บวกเพิ่มเข้าไปเป็น 220-300 บาท/ชม. แต่มีเงื่อนไขคือสอนครั้งละ 2 ชม. เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการเรียน ดังนั้นรายได้ขั้นต่ำจะอยู่ที่ 400 บาท/ครั้ง ซึ่งถ้าคิดเป็นรายได้ต่อเดือนปัจจุบัน รายได้ของลูกทีมจะอยู่ที่่ 2 หมื่่นบาทขึ้นไป

ขณะที่แนวโน้มตลาดและการแข่งขันนั้น ก้องเกียรติบอกว่า เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีคู่แข่ง หลังจากก่อตั้งchulatutordelivery ขึ้นมา ก็มีเครือข่ายหรือเว็บไซต์ในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีกหลายราย บางรายมาเป็นทีมงานที่นี่แล้วแยกตัวออกไปทำเองก็มี

อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้วเชื่อว่าตลาดการสอนพิเศษยังคงเปิดกว้างเสมอ ตราบใดที่ระบบการเรียนการสอนในห้องเรียนยังด้อยคุณภาพเช่นนี้ ไม่มีการปฏิรูปการศึกษา ผู้ปกครองก็ต้องจ่ายเพิ่มเพื่ออนาคตลูกหลานตัวเองในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันหนักหน่วง

ข่าวล่าสุด

Yindii เปลี่ยนอาหารขายไม่หมด หมุนรายได้คืนธุรกิจ 78 ล้านบาท