Satirical Message… Satire กับ Satyr (1)
Satirical Message ซึ่งเป็นเนื้อความการเสนอการสื่อสารในเชิง...แขวะ เย้ย หยัน ซ่อนนัย ฯลฯ
Satirical Message ซึ่งเป็นเนื้อความการเสนอการสื่อสารในเชิง...แขวะ เย้ย หยัน ซ่อนนัย ฯลฯ ซึ่งจะเสนอออกมาด้วยงานเขียน ภาพ เสียง ตัวละคร หรือผ่านทางช่องทางการสื่อสารใดๆ ก็ได้ (พจนานุกรมของ อาจารย์สอ เสถบุตร ให้ความหมายว่า satire [n.] ถ้อยคำล้อเลียน, เรื่องเย้ยหยัน
...ผู้เขียนขออนุญาตใช้คำ Satirical Message ทับศัพท์ในงานเขียนนี้ เพื่อให้เป็นคำที่ตรงประเด็นและสั้นกระชับ
ที่มาของคำว่า Satire มาจากชื่อ Satyr ของกรีกหรือเปล่า? ผู้เขียนไปค้นทั้งพจนานุกรมและเว็บไซต์หลายสำนัก และได้คำตอบแม้แต่ฝรั่งเองก็ยังตอบไม่เหมือนกัน
ข้อมูลส่วนใหญ่บอกว่า Satire มาจากชื่อตัว Satyr ของกรีก แต่บางแหล่งก็บอกว่าเป็นคำภาษาละตินของพวกโรมันแท้ๆ ไม่ได้มาจากคำในภาษากรีกแต่ประการใด
ในทัศนะของผู้เขียนแล้วเห็นว่าโดยนัยแล้วมีความเชื่อมโยงกัน อันเนื่องจากอุปนิสัยและพฤติกรรมของ Satyr ซึ่งเป็นอมนุษย์ที่มีนิสัยชอบราคะ หลบๆ ซ่อนๆ ซึ่งกรีกเมื่อ 2,000 กว่าปีก่อนจะสะท้อนคนอุปนิสัยอย่างนี้ผ่านละครที่เล่นกันตามเวทีที่สร้างอยู่ตามชายเขา
ปกติแล้วการแสดงละครของกรีก วัตถุประสงค์ส่วนหนึ่งเป็นการแสดงเพื่อสักการะเทพ แต่ขณะเดียวกัน ละครคือ Media ที่สำคัญในการแสดงความคิดเห็นของคนกรีก เมื่อเกิดอะไรขึ้นในสังคมคนก็จะตามดูปฏิกิริยาที่แทรกๆ อยู่ในการแสดงละคร
ตัว Satyr จะเป็นตัวละครตัวหนึ่งและอยู่ในละครหมวดใหญ่ที่แสดงมุกเหล่านี้
คนสมัยต่อมาได้เรียกการแสดงที่มีเนื้อหา ล้อเลียน เย้ยหยัน แดกดัน ฯลฯ ว่าเป็น Satirical Message ซึ่งความจริงแล้วอุปนิสัยนี้ได้พัฒนาควบคู่มากับพฤติกรรมของมนุษย์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่สังคมยุโรปมีเรื่องนี้ชัดเจนและเป็นระบบกว่าบริเวณอื่นในโลก
การแสดงออกในลักษณะ Satirical Message พัฒนามากขึ้นหลังจากพวกคนยุโรปส่วนหนึ่งที่ไปรบในสงครามครูเสดกลับมายุโรปแล้วรู้สึกว่าศาสนจักรไม่ได้ให้คำตอบกับชีวิตจริงที่พวกเขาเคยคาดหวัง
สังคมยุโรปจึงเริ่มคลายตัวออกมาจากความเคร่งกับเนื้อหาทางศาสนา และได้พัฒนาความกล้าแสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่งราว 200 ปีหลังสงครามครูเสด คริสตชนคนหนึ่งก็เริ่มบังอาจที่จะวาดภาพพระเจ้าให้เห็นรูปร่างเป็นครั้งแรกไว้ที่เพดานวิหารซิสทีนในวาติกัน สร้างความฮือฮาสะเทือนไปทั้งยุโรป เพราะไม่มีใครเคยวาดรูปพระเจ้ามาก่อนในโลก...
งานวรรณกรรมในยุโรปก็เริ่มเปลี่ยนจากการกล่าวอ้าง
อำนาจของพระเจ้า มาเป็นการแสดงออกถึงการเชิดชูความกล้าหาญของมนุษย์ ชาวคริสต์ไม่ได้เลิกนับถือพระเจ้า หากแต่ได้นำพระเจ้าไปวางไว้อีกส่วนหนึ่งของชีวิต
โลกกำลังเข้าสู่ยุคของเนื้อหาหลายอย่างใหม่ๆ มีคนรู้อะไรอีกมากมายแต่ก็ไม่กล้าแพร่งพราย ซึ่งนำไปสู่พัฒนาการของการสื่อสารที่แฝงไว้ด้วย Satirical Message กันมากขึ้น
(อ่านต่อวันศุกร์หน้า)


