posttoday

‘ยันฮี’ เร่งสร้างแบรนด์ ลุยผลิตภัณฑ์ความงามเสริมแกร่ง

05 มีนาคม 2558

การจะเป็นโรงพยาบาลเดี่ยวในยุคที่โรงพยาบาลเครือใหญ่ครองเมือง ต้องมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งโรงพยาบาลยันฮีนอกจากจะมีจุดเด่นที่ทุกคนรู้กันด้านศัลยกรรมเสริมความงามแล้ว ยังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งแบรนด์ด้วยการขยายธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ “ยันฮี” อีกด้วย

การจะเป็นโรงพยาบาลเดี่ยวในยุคที่โรงพยาบาลเครือใหญ่ครองเมือง ต้องมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งโรงพยาบาลยันฮีนอกจากจะมีจุดเด่นที่ทุกคนรู้กันด้านศัลยกรรมเสริมความงามแล้ว ยังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งแบรนด์ด้วยการขยายธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ “ยันฮี” อีกด้วย

สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี เปิดเผยว่า โรงพยาบาลยันฮีมีบริษัทในเครือคือ บริษัท ยาอินไทยที่ยันฮีถือหุ้น 60% เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเวชภัณฑ์ให้แบรนด์อื่นรวมถึงแบรนด์ยันฮี และบริษัท เมดโดซิน ซึ่งยันฮีถือหุ้น 60% เช่นกัน บริษัทนี้รับหน้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเรือนร่าง สู่ตลาดทั่วไปผ่านยันฮีช็อป และร้านจำหน่ายปลีกอื่น รวมเวลาแล้วโรงพยาบาลยันฮีจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ยันฮีควบคู่มานาน 20 ปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลเพิ่งเริ่มทำตลาดแบรนด์ผลิตภัณฑ์ยันฮีอย่างจริงจังในปีก่อน ด้วยการลงทุนเปิดยันฮีช็อป 19 แห่งทั่วประเทศ มีทั้งที่ลงทุนเองทั้งหมดและขายแฟรนไชส์ รวมทั้งติดต่อร้านสะดวกซื้อนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่าย เช่น เซเว่นอีเลฟเว่นวัตสัน แฟมิลี่มาร์ท และบิ๊กซี โดยในปีนี้จะผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่จำหน่ายตามช่องทางเหล่านี้เพิ่ม โดยเฉพาะวิตามินวอเตอร์ น้ำดื่มผสมวิตามินที่เปิดตัวเมื่อปีก่อน รวมทั้งวางแผนขยายสาขายันฮีช็อปเพิ่มปีละ 20 สาขา ทั้งแบบลงทุนเองและแฟรนไชส์ ตั้งเป้า 4 ปี จะมียันฮีช็อป 100 สาขาทั่วประเทศ

สำหรับผลิตภัณฑ์ปีนี้จะทยอยเปิดตัวต่อเนื่อง เน้นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการคนไทย ได้แก่ ยาทาฝ้า ลอกฝ้าออกจากใบหน้า ยาสำหรับทำให้ผิวตึง หรือที่ตลาดเรียกกันว่าครีมหน้าเด้ง และครีมป้องกันรักแร้ดำ เนื่องจากไทยเป็นประเทศเมืองร้อน แดดแรง คนเป็นฝ้ากันมาก หน้าคล้ำสูง กลุ่มเป้าหมายคือ คนเล่นกอล์ฟ พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องตากแดดขายของ

สุพจน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเคยเจอปัญหามีคนปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ลักษณะเดียวกับยันฮีขายในตลาดและแอบอ้างชื่อคล้ายกัน เช่น “หมอยันฮี” ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดไปใช้ ซึ่งโรงพยาบาลยันฮีรับทราบเรื่องเมื่อมีผู้บริโภคร้องเรียนมาทางโรงพยาบาลว่าใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเกิดอาการแพ้ และได้นำผลิตภัณฑ์ที่เกิดปัญหาไปตรวจสอบพบว่าเป็นสินค้าปลอม ส่วนใหญ่กลุ่มนี้จำหน่ายตามต่างจังหวัด เมื่อยันฮีพบก็แจ้งให้ทางการดำเนินการต่อ ปัญหานี้ทำให้ยันฮีต้องเร่งทำตลาดแบรนด์ยันฮีมากขึ้น ซึ่งในปีนี้จะใช้งบ 50 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนใช้ 30 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการรับทราบลักษณะผลิตภัณฑ์จริง

นอกจากนี้ ยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์บริษัทในเครือ www.medocine.co.th น่าจะช่วยลดปัญหาผู้บริโภคซื้อสินค้าปลอมได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากสั่งซื้อทางช่องทางออนไลน์ มีทางเลือกทั้งให้ส่งสินค้าไปที่บ้าน หรือมารับสินค้าที่โรงพยาบาล หากผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าต้องการความมั่นใจว่าเป็นของโรงพยาบาลก็เลือกมารับที่โรงพยาบาลได้ ปีนี้ตั้งเป้ารายได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยันฮีผ่านบริษัท เมดโดซิน 400-500 ล้านบาท และรายได้จากการผลิตเวชภัณฑ์ของบริษัท ยาอินไทย 400-500 ล้านบาท เช่นกัน เพิ่ม 10% ด้านการลงทุนโรงพยาบาล กำลังสร้างอาคารอินเตอร์ 3 สูง 14 ชั้น เพื่อรองรับคนไข้ได้มากขึ้น น่าจะใช้เวลา 2 ปีสร้างเสร็จ จากนั้นคาดใช้พื้นที่เต็มใน 2 ปี ซึ่งเตรียมแผนสร้างอาคารใหม่เพิ่มไว้แล้ว โดยโรงพยาบาลมีที่ดินเดิม 12 ไร่ ปี 2553-2555 ได้ลงทุน 160 ล้านบาท ซื้อที่ดินรอบโรงพยาบาลเพิ่ม 10 ไร่ ปัจจุบันนำมาทำที่จอดรถเพิ่ม 5 ปีข้างหน้าคงพัฒนาเป็นอาคารใหม่ 2 อาคาร สำหรับให้บริการรักษาพยาบาลและเป็นอาคารจอดรถแนวสูง

ทั้งนี้ จะแยกบางแผนกที่มีผู้ใช้บริการมากออกมาจากเดิมที่รวมกับแผนกอื่นไปอาคารอินเตอร์ 3 หลังจากก่อสร้างเสร็จ เช่น แยกศูนย์กำจัดขนเป็นอิสระจากเดิมรวมกับศูนย์เส้นเลือดขอด ขยายพื้นที่ศูนย์เสริมสร้างเต้านมสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ผ่าตัดเต้านมไปแล้วต้องการเสริมสร้างเต้านมใหม่ ขยายศูนย์อายุรวัฒน์ (แอนไทน์ เอจจิ้ง) รองรับกลุ่มที่ต้องการชะลอวัย ฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งเป็นกระแสนิยมยุคนี้

สุพจน์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลมีรายได้ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า แต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดหวังเพิ่ม 10% ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบการเมือง อีกส่วนมาจากถนนจรัญสนิทวงศ์กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้า ทำให้คนไข้เดินทางไม่สะดวก เปลี่ยนไปรักษาโรงพยาบาลอื่น คนไข้ลดลงหลังก่อสร้างรถไฟฟ้า 10-20% ต่อปี แต่ที่รายได้โรงพยาบาลยังเพิ่ม เพราะคนไข้ที่ลดเป็นกลุ่มโรคทั่วไป แต่กลุ่มศัลยกรรมเสริมความงามยังโต จากการที่คนไข้ยังเชื่อมั่นการทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาลมากกว่าไปตามคลินิก

สำหรับในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้เพิ่ม 10% มีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจดีขึ้น คนให้ความสำคัญเรื่องความสวยความงาม และในอนาคตหลังรถไฟฟ้าหน้าโรงพยาบาลยันฮีเปิดบริการ น่าจะทำให้คนไข้ที่เคยหายไปกลับมาใช้บริการเพิ่ม 30% เพราะเดินทางสะดวกขึ้น และจะได้คนไข้พื้นที่ห่างไกลที่เดินทางโดยรถไฟฟ้าด้วย

การมีผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับแบรนด์โรงพยาบาลออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าจะทำให้ยันฮีติดตลาดความงามได้ระยะยาว

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 14 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน