เอคโค่จี้อุตฯ-กนอ.เร่งสร้างเขื่อนป้องนิคม"สหรัตนนคร"

เอคโค่โวย กระทรวงอุตสาหกรรมทำงานล่าช้า เหตุ กนอ.ไม่เร่งรัดเขื่อนกั้นน้ำนิคมสหรัตนนคร หวั่นอุทกภัยซ้ำ

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังหารือกับนายมิคาเอล เหมนิธิ วินเธอร์ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทย และผู้บริหารบริษัท เอคโค่ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า ผู้ประกอบการบริษัทเอคโค่ ซึ่งเป็นธุรกิจสัญญาชาติเดนมาร์กที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร จ.พระนครศรีอยุธยา มีความกังวลเรื่องระบบป้องกันอุทกภัยภายในนิคมฯ เนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำล่าช้ากว่ากำหนดเดิม ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จภายในปี 2557 จึงอยากให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้เร่งรัดการก่อสร้าง เพราะผู้ประกอบการในนิคมฯ มีความกังวลว่าโรงงานจะได้รับผลกระทบเหมือนที่ผ่านมา

นายจักรมณฑ์ กล่าวว่า สำหรับเขื่อนกั้นน้ำที่ก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นคันดินและคอนกรีต ซึ่งขณะนี้ส่วนที่เป็นคันดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีประสิทธิภาพในการรับน้ำได้ดี และรองรับมวลน้ำขนาดใหญ่ได้นาน 2 เดือน อย่างไรก็ตามยอมรับว่าผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครทำผิดสัญญา เนื่องจากส่งงานล่าช้าจริง ซึ่งรัฐอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปมีสัดส่วนการถือหุ้นเพื่อจัดการปัญหาด้านโครงสร้างหนี้ภายในนิคมฯ

สำหรับการลงทุนสร้างเขื่อนกั้นน้ำในนิคมสหรัตตนครใช้งบประมาณทั้งสิ้น 300 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนผู้พัฒนานิคมฯ โดยรัฐลงทุน 2 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด ส่วนเอกชนลงทุนหนึ่งส่วน โดยขณะนี้การก่อสร้างใช้เงินลงทุนที่เป็นสัดส่วนของภาครัฐไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท

ด้านนายวีระพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ขณะนี้การสร้างเขื่อนกั้นน้ำในนิคมสหรัตนนครดำเนินการแล้วเสร็จ 1 ส่วน คือส่วนที่เป็นคันดินสูง 2.5 เมตร ขณะที่อีกส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จเป็นคอนกรีตสูง 1 เมตร  ซึ่งขณะนี้ กนอ.ก็ได้ติดตามการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าเขื่อนคันดินมีประสิทธิภาพในการรองรับน้ำได้ดีกรณีที่อาจเกิดอุทกภัย นอกจากนี้ กนอ.ยังได้ประสานกับผู้พัฒนานิคมฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมฯ ว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดความเดือดร้อนแก่โรงงานอย่างแน่นอน

สำหรับการศึกษาเรื่องการเข้าไปมีสัดส่วนในการถือหุ้นนั้น กนอ.กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ โดยหากสามารถทำได้ กนอ.สนใจจะเข้าไปพัฒนาด้านระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ก่อให้เกิดรายได้ มากกว่าการลงทุนสร้างเขื่อนกั้นน้ำเพียงอย่างเดียว