‘บุ๊คโดส’ สยายปีก ดันไทย e-Library Hub
“ภาย ใน 5 ปีนี้ห้องสมุดในอาเซียนน่าจะเปลี่ยนโฉมไป”
“ภาย ใน 5 ปีนี้ห้องสมุดในอาเซียนน่าจะเปลี่ยนโฉมไป”
นี่คือแนวคิดเริ่มต้นของ เกียรติขจร วรปรัชญา ผู้อำนวยการฝ่ายสารสนเทศและ 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้ง บริษัท บุ๊คโดส ต่อการผลักดันบริษัทและไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางห้องสมุดออนไลน์ หรือ “e-Library Hub” ของอาเซียน
หลังจากที่เกียรติขจรร่วมกับเพื่อนอีกสองคน คือ กิตติพจน์ ประวาลปัทม์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน และนิรัตน์ คมขำ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาตั้งแต่ปี 2555 ในปี 2558 นี้ พวกเขาจึงวางวิสัยทัศน์ของบริษัทไปให้ไกลขึ้น
เกียรติขจร เล่าว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีโมเดลรายได้ 2 แบบ ได้แก่ 1.ค่าระบบ บริษัทจะรับออกแบบระบบ e-Library ให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในรูปแบบ สำนักพิมพ์ เมื่อสามารถจำหน่าย e-Book ให้แก่ e-Library ขององค์กรต่างๆ ได้
แต่เมื่อวางแผนจะไปไกลระดับอาเซียน บริษัทจึงมีโมเดลรายได้และโมเดลธุรกิจใหม่เพิ่มเติม คือ 1.การทำ e-Library ให้แก่สถานที่ที่จะมีชาวอาเซียนเข้ามาใช้บริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล สนามบิน โดยจับมือกับพันธมิตรสำนักพิมพ์และร้านขายหนังสือภาษาต่างประเทศในการหาหนังสือภาษาอาเซียนและภาษาอื่นๆ เข้ามาตอบโจทย์ผู้ใช้บริการสถานที่เหล่านั้น
2.การจัดทำ Smart Knowledge Center (SKC) เป็นมุมหนังสือออนไลน์ภายในตู้คอนเทนเนอร์ เจาะตลาดผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ต้องการทำโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ (ซีเอสอาร์) เปลี่ยนจากการสร้างห้องสมุดแบบเดิม เป็นการสร้างห้องสมุดที่สามารถเข้าไปนั่งอ่านหนังสือออนไลน์ได้ ซึ่งใช้พื้นที่น้อยกว่าและลงทุนน้อยกว่าห้องสมุดปกติ
“ตอนนี้เพื่อนบ้านของเราบางประเทศใช้แท็บเล็ตในระบบการศึกษา บางประเทศ เช่น ลาว ก็มี 4G แล้ว ถ้าเขามีโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ก็น่าจะเป็นโอกาสของเราที่เข้าไปเจาะตลาด”
กิตติพจน์ เสริมว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับภาคเอกชนของลาว เพื่อนำโครงการ SKC ไปใช้ในประเทศ รวมถึงเสนอต่อไปยังภาครัฐของลาวด้วย ขณะเดียวกันกำลังมองโอกาสเจาะตลาด e-Library ภาคเอกชนในกัมพูชาด้วย
ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เติบโตต่อเนื่องปีละ 3 เท่าตัว ส่งผลให้รายได้ปี 2557 ขึ้นมาอยู่ที่ 10 ล้านบาท ปี 2558 ยังเชื่อมั่นว่าจะมีรายได้เติบโตประมาณ 2-3 เท่า โดยรายได้จากอาเซียนจะมีสัดส่วนเป็น 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งปี ขณะที่รายได้ในประเทศนั้นจะเน้นเจาะเอกชนมากกว่าภาครัฐ คิดเป็นสัดส่วน 60 ต่อ 40
ด้าน นิรัตน์ ย้ำว่า แนวโน้มการอ่านหนังสือของคนกำลังเปลี่ยนแปลงไป คนหันมาอ่านหนังสือผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น สังเกตจากตัวเลขคนอ่านหนังสือของห้องสมุดในบางองค์กร มีผู้ยืม e-Book ไปอ่าน มากกว่ายืมหนังสือเล่มเดียวกันกว่า 10 เท่า
“ถ้าเป็นห้องสมุดปกติ ก็อ่านได้เฉพาะคนที่มาถึงห้องสมุดนั้น แต่ถ้าเป็น e-Library สมมติห้องสมุดหลักอยู่กรุงเทพฯ คนที่อื่นก็ยังสามารถยืม e-Book และอ่านหนังสือเล่มนั้นได้ ตอบโจทย์การจัดการองค์ความรู้ขององค์กรยุคใหม่”
กิตติพจน์ ทิ้งท้ายว่า การบุกตลาดแต่ละประเทศจะดูความเหมาะสมกับความต้องการของประเทศนั้นๆ ด้วย เช่น ลาว จะตอบโจทย์เชิงสังคมการเข้าไปช่วยพัฒนา ขณะที่กัมพูชาจะเน้นประสิทธิภาพการบริการเป็นหลัก


