คำนวณภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2557
การยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2557 (ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91) สามารถยื่นแบบเสียภาษีได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ท่านใดที่มีรายการลดหย่อนและยกเว้นภาษีหลายรายการ การคิดคำนวณภาษีต้องรอบคอบสักนิด จะได้ไม่ผิดพลาด ขอแนะนำยื่นแบบเสียภาษีผ่าน www.rd.go.th สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โปรแกรมจะช่วยคิดคำนวณภาษีให้ โอกาสคำนวณภาษีผิดพลาดแทบไม่มี เว้นแต่กรอกข้อมูลไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ถูกต้องไปด้วย
การยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2557 (ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91) สามารถยื่นแบบเสียภาษีได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ท่านใดที่มีรายการลดหย่อนและยกเว้นภาษีหลายรายการ การคิดคำนวณภาษีต้องรอบคอบสักนิด จะได้ไม่ผิดพลาด ขอแนะนำยื่นแบบเสียภาษีผ่าน www.rd.go.th สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โปรแกรมจะช่วยคิดคำนวณภาษีให้ โอกาสคำนวณภาษีผิดพลาดแทบไม่มี เว้นแต่กรอกข้อมูลไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ถูกต้องไปด้วย
วิธีการคิดคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี มี 2 วิธี สรุปได้ดังนี้
วิธีที่ 1 คำนวณภาษีจากฐานเงินได้สุทธิ ตามมาตรา 48(1) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ผู้เสียภาษีนำเงินได้พึงประเมินทุกประเภท (เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(1)-(8) แห่งประมวลรัษฎากร) ที่ได้รับทั้งปี หักออกด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน เหลือเท่าใดเป็นเงินได้สุทธิ แล้วให้นำเงินได้สุทธิไปคำนวณภาษีตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้จำนวนภาษีต้องชำระ
สำหรับปีภาษี 2557 เงินได้สุทธิ 1.5 แสนบาทแรก ได้รับยกเว้นภาษี
อัตรา 5% สำหรับเงินได้สุทธิที่เกินกว่า 1.5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท
อัตรา 10% สำหรับเงินได้สุทธิที่เกินกว่า 3 แสนบาท แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท
อัตรา 15% สำหรับเงินได้สุทธิที่เกินกว่า 5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 7.5 แสนบาท
อัตรา 20% สำหรับเงินได้สุทธิที่เกินกว่า 7.5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท
อัตรา 25% สำหรับเงินได้สุทธิที่เกินกว่า 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท
อัตรา 30% สำหรับเงินได้สุทธิที่เกินกว่า 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 4 ล้านบาท
อัตรา 35% สำหรับเงินได้สุทธิที่เกินกว่า 4 ล้านบาทขึ้นไป
วิธีที่ 2 คำนวณภาษีจากฐานเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 48(2) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ผู้เสียภาษีที่มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)-(8) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ได้รับได้พึงประเมินทั้งปีเกินกว่า 60,000 บาทขึ้นไป นำเงินได้พึงประเมิน (ยังไม่ได้หักรายจ่ายใดๆ) ที่ได้รับในปีภาษี ไปคำนวณภาษีในอัตรา 0.50% จะได้จำนวนภาษีต้องชำระ หากคำนวณแล้วมีจำนวนภาษีต้องชำระไม่เกิน 5,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษีวิธีนี้ การคำนวณวิธีนี้จะเสียภาษีต่อเมื่อมีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 1 ล้านบาท ผู้เสียภาษียังคงต้องนำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)-(8) แห่งประมวลรัษฎากรไปคิดคำนวณภาษีตามวิธีที่ 1 แล้วนำภาษีต้องชำระมาเปรียบเทียบกับภาษีต้องชำระในวิธีที่ 2 วิธีใดมีจำนวนภาษีต้องชำระมากกว่า ให้ชำระภาษีตามวิธีนั้น
ตั้งแต่ปีภาษี 2555 เป็นต้นมา การยื่นรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของสามีและภรรยาที่มีเงินได้พึงประเมินทั้งคู่ แต่ละฝ่ายสามารถแยกยื่นแบบเสียภาษีในนามของตนเองได้ หรือนำเงินได้พึงประเมินทั้งหมด หรือนำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)-(8) แห่งประมวลรัษฎากรไปรวมคำนวณภาษีกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ลองทำดู วิธีใดเหมะสมกับตนเองก็ใช้วิธีนั้น แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
ได้ทราบกันแล้วเกี่ยวกับวิธีการคิดคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี สัปดาห์หน้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหักค่าใช้จ่ายของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1)-(8) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ละประเภทเงินได้พึงประเมินหักค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ หากหักได้ หักได้มากน้อยเท่าใด และเงินได้พึงประเมินประเภทใดที่กฎหมายไม่ให้หักค่าใช้จ่าย
สวัสดีครับ


