เปิดข้อเสนอสมาคมธนาคารไทย ขอแก้ประเด็นค้ำประกันหนี้ (2)
ข้อเสนอและเหตุผลในการแก้ไข พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557
ข้อเสนอและเหตุผลในการแก้ไข พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557
เมื่อวานนี้ได้เปิดข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทย ที่ได้เสนอต่อกระทรวงการคลัง ขอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557 ในมาตราที่เป็นปัญหาอุปสรรคทำให้ธนาคารพาณิชย์อาจจะไม่อนุมัติ สินเชื่อให้กับลูกค้าในกลุ่มเอสเอ็มอี
ทั้งนี้ ได้เสนอแก้ไขในมาตราที่ 691 และมาตราที่ 700 ยังมีมาตราอื่นในกฎหมายนี้ที่สมาคมธนาคารไทย เสนอให้แก้ไขอีกคือ
มาตรา 729/1 กฎหมายระบุไว้ว่า ในเวลาใดๆ หลังจากที่หนี้ถึงกำหนดชำระ ถ้าไม่มีการจำนองรายอื่นหรือบุริมสิทธิอื่นอันใดได้จดทะเบียนไว้เหนือทรัพย์สินอันเดียวกันนี้ ผู้จำนองมีสิทธิแจ้งเป็นหนังสือไปยัง
ผู้รับจำนองเพื่อให้ผู้รับจำนองร้องขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ให้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้หนังสือแจ้งนั้น
ทั้งนี้ ให้ถือว่าหนังสือแจ้งของผู้จำนองเป็นหนังสือยินยอมให้ขายทอดตลาด และหนังสือแจ้งของผู้จำนองดังกล่าวจะยกเลิกมิได้ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากผู้จำนอง
ในกรณีที่ผู้รับจำนองไม่ได้ดำเนินการร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ผู้จำนองพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองได้เงินสุทธิจำนวนเท่าใด เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องจัดสรรชำระหนี้และอุปกรณ์ให้แก่ผู้รับจำนอง ถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งให้แก่ผู้จำนองหรือ
แก่บุคคลผู้ควรจะได้รับเงินนั้น แต่ถ้าได้เงินน้อยกว่าจำนวนที่ค้างชำระให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 733 และในกรณีที่ผู้จำนองเป็นบุคคลซึ่งจำนองทรัพย์สินเพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ
ผู้จำนองย่อมรับผิดเพียงเท่าที่มาตรา 727/1 กำหนดไว้
เหตุผลในการแก้ไข เนื่องจากมาตรานี้เป็นการบัญญัติขึ้นใหม่เพื่อให้สิทธิแก่ผู้จำนองที่จะแจ้งให้แก่ผู้รับจำนองดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองโดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาล
แต่ในทางปฏิบัติ การขายทอดตลาดโดยไม่ผ่านกระบวนการฟ้องคดีต่อศาลต้องเป็นการจัดการขายทอดตลาดโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ซึ่งไม่มีกฎหมายพิเศษรองรับ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจัดการขาย ราคาทรัพย์ ค่าธรรมเนียมในการจัดการขาย การโอนกรรมสิทธิ์ทางทะเบียน การขับไล่ผู้อาศัยหรือบริวาร เป็นต้น อันทำให้ไม่สามารถจัดการขายทอดตลาดได้ หรือไม่มีผู้สนใจเข้าซื้อทรัพย์ หรือไม่อาจจัดการโอนกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนได้ ทั้งไม่มีกฎหมายใดรองรับให้เจ้าพนักงานที่ดินต้องดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนเนื่องจากการขายตามมาตรานี้ด้วย
การขายทอดตลาดตามมาตรานี้จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้จำนองและผู้รับจำนอง ดังนั้นเห็นสมควรแก้ไขให้การขายทอดตลาดตามมาตรานี้เป็นการขายทอดตลาดโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี และให้การขายเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งมีบทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดีรองรับอยู่แล้ว ทำให้การขายทอดตลาดเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายและเป็นธรรมต่อผู้จำนองและผู้รับจำนอง
นั่นเป็นข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทย แต่ความคืบหน้าของการแก้ไขกฎหมายนี้อาจจะไม่ง่าย เพราะการแก้ไขกฎหมายบ่อยๆ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ อย่างไรก็ดีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีแนวคิดเสนอให้แก้ พ.ร.บ.ในส่วนของบทเฉพาะกาลบรรทัด เพื่อเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไประยะหนึ่ง ให้เวลาทุกฝ่ายในการแก้ไขที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์แม้ พ.ร.บ.ดังกล่าวจะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว แต่หากมีการเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขอให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไปก่อน จากเดิมที่จะใช้ในเดือน ก.พ. 2558 น่าจะทำได้ เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีผลกระทบกับหลายฝ่าย ฉะนั้นต้องจับตาดูความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่าจะมีผลกระทบทำให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลดลงหรือไม่


