ทรีนีตี้ยันTPCHไม่แพง ตีราคาโรงไฟฟ้าอนาคต

ทรีนีตี้ยันราคา TPCH ไม่แพง พี/อี 159 เท่า คิดจากกำไรย้อนหลัง 12 เดือน ไม่รวมโรงไฟฟ้าในอนาคต   น.ส.อนงค์ ยุวะหงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาการเงินบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตั้งราคาขายหุ้นที่ 12.75 บาทที่สูงเกินไป ระดับอัตราราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (พี/อี) สูงถึง 159 เท่า ขอยืนยันว่าราคาหุ้น TPCH  ไม่ได้แพง เพราะค่าพี/อีระดับดังกล่าว คำนวณจากกำไร 12 เดือนย้อนหลัง ซึ่งรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเพียง 1 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์

ทั้งที่ความเป็นจริง TPCH ในปี 2558 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 30 เมกะวัตต์ จากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 3 โรง กำลังการผลิตโรงละ 10 เมกะวัตต์ ปี 2559 ก่อสร้างแล้วเสร็จอีก 2 โรง กำลังการผลิตเพิ่มอีก 20 เมกะวัตต์ จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้า รวมเป็น 60 เมกะวัตต์ และในปี 2560 จะมีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใน จ.ปัตตานี อีก 46 เมกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมแล้ว 106 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกัน ทางภาครัฐได้ปรับโครงสร้างราคาพลังงานทางเลือก โดยให้ความสำคัญในการสนับสนุนโครงการชีวมวลอย่างมาก ปรับรูปแบบการสนับสนุนค่าอุดหนุนในรูปแบบแอดเดอร์มาเป็น การรับซื้อไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง (ฟีดอินทารีฟ) จะทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นจาก 3.4-3.5 บาท เป็น 4.2 บาท และจะได้ส่วนเพิ่ม (พรีเมียม) อีก 0.30 บาท และกรณีอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะให้ส่วนเพิ่มอีก 0.50 บาท

ทั้งนี้ ค่าสนับสนุนดังกล่าวจะขยายระยะเวลาจาก 7 ปี เป็น 8 ปี และค่าพรีเมียมในส่วนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะให้ตลอดอายุสัญญาหรือประมาณ 20 ปี

“เงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอ TPCH จะนำมาลงทุนในโครงการต่างๆ สามารถต่อดอกออกผลได้เลย และค่าพี/อีระดับ 159 เท่า ยังไม่รับรู้ผลกำไรจากโครงการในอนาคต ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามา ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของ TPCH สูงขึ้น และจะทำให้ค่าพี/อีลดลงในท้ายที่สุด  เช่นเดียวกับหุ้นพลังงานทางเลือกอื่นตอนขายไอพีโอพีอีสูง ตอนนี้ก็ลดลงมามากแล้ว” น.ส.อนงค์ กล่าว