posttoday

บัตรเครดิต ช็อกชั่วคราว เพราะ ค่ามัดจำ วันพักผ่อน

21 ธันวาคม 2557

ทุกอย่างรอบๆ ตัวเหมือนหยุดเคลื่อนไหวไปทันที เมื่อพนักงานโรงแรมบอกว่า

ทุกอย่างรอบๆ ตัวเหมือนหยุดเคลื่อนไหวไปทันที เมื่อพนักงานโรงแรมบอกว่า ทางโรงแรมต้องขอ “สงวนเงินบัตรเครดิต” ของคุณไว้จำนวน X,XXX บาท

เฮ้ย! มันแปลว่าอะไร...

เป็นหนี้มาหลายปี ก็เพิ่งจะเคยได้ยินคำว่า “สงวนเงินบัตรเครดิต” เป็นครั้งแรก

แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากถาม พนักงานก็รีบอธิบายทันที (สงสัยจะเดาได้ว่า นี่คงเป็นครั้งแรกที่เช็กอินโรงแรมหรู)

ฟังไปฟังมาเหมือนจะเข้าใจ และก็ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานไปแบบมึนๆ จะไม่มึนได้อย่างไร เพราะจำนวน X,XXX บาท ที่โรงแรมขอสงวนเอาไว้ มันเท่ากับงบค่าอาหารที่เตรียมไว้เลยนะ เพราะ
ฉะนั้นทริปนี้แม้จะอยู่อย่างราชา แต่คงต้องกินแบบยาจก

จำไว้เลย “สงวนเงินบัตรเครดิต”

โรงแรม-รถเช่า เราสองคน

หลังจากจบทริปอยู่อย่างราชา กินอย่างยาจกแล้ว แต่คำว่า “สงวนเงินบัตรเครดิต” ยังไม่จบ มันยังค้างๆ คาๆ อยู่ในหัว เลยต้องไปตามหา “กูรู” มาไขข้อข้องใจ

และคำตอบที่ได้ก็คือ “เธอจ๋าเรื่องนี้มันธรรมดามากๆ เลย สำหรับนักท่องเที่ยว เพราะถ้าเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ส่วนใหญ่ก็มักจะมีนโยบายแบบนี้ และไม่ใช่แค่โรงแรมนะเธอ รถเช่าก็ใช้รูปแบบนี้เหมือนกัน”

การวางเงินประกันห้องพัก จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงแรม มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกันไป แต่วัตถุประสงค์หลัก คือ สำรองเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ค่าขนมในมินิบาร์ เผื่อว่าลูกค้าไม่ได้มาเช็กเอาต์หน้าเคาน์เตอร์โรงแรมจะได้เรียกเก็บผ่านบัตรเครดิต

แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้เงินในบัตรเครดิตเป็นประกันเพียงอย่างเดียว เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าจะประกันด้วยบัตรเครดิต หรือจะประกันด้วยเงินสด

บางคนก็แนะนำให้วางเงินสด เพราะไม่ยุ่งยาก และจะได้คืนทันทีเมื่อเช็กเอาต์ จากโรงแรม

แต่ที่ห้ามเด็ดขาด คือ ห้ามไม่ให้จดข้อมูลบัตรเครดิต หรือถ่ายสำเนาบัตรเครดิต พร้อมกับจดรหัส 3 หลักด้านหลังบัตร (CVV) เอาไว้ เพราะอาจถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้

นอกจากนี้ จองโรงแรมต่างประเทศผ่านเว็บไซต์นายหน้า เช่น Booking.com ก็จะมีการสงวนเงินบัตรเครดิตไว้เหมือนกัน เพราะอาจจะกันวงเงินไว้เผื่อลูกค้าที่จองแล้วไม่มา หรือจองแล้วทำผิดเงื่อนไข โดยอาจจะกันวงเงินเต็มจำนวนเท่ากับค่าห้องพัก หรือกันเอาไว้เท่ากับค่าห้องพัก 1 คืน

ขณะที่รถเช่าอาจจะเรียกว่า “มัดจำบัตรเครดิต” โดยก่อนที่จะนำรถออกไปได้จะต้องรูดบัตรเครดิตเป็นเงินประกันตั้งแต่ 1-4 หมื่นบาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทและประเภทของรถยนต์

“การเช่ารถบริษัทใหญ่ๆ เช่น Budget, Avis หรือ Hertz จะต้องรูดบัตรเครดิตเพื่อเป็นวงเงินประกัน หรือที่เรียกว่า บล็อกวงเงินบัตรเครดิต โดยจะบล็อก 2 หมื่นบาท สำหรับรถเครื่อง 1,800 cc หรือต่ำกว่า และบล็อก 4 หมื่นบาท สำหรับรถเครื่องสูงกว่า 1,800 cc” ข้อมูลจาก carrentcheap.blogspot.com

และเมื่อโทรไปถามเจ้าหน้าที่บริษัทรถเช่าแห่งหนึ่ง เธอย้ำเสียงดังฟังชัดเลยว่า ต้องวางประกันด้วยบัตรเครดิต “ทุกกรณี” เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีบัตรเครดิตก็ไม่มีสิทธิเช่ารถ (กับบริษัทของเธอ)

แค่บล็อกวงเงิน ไม่ได้จ่ายจริง

หลังจากสืบค้นข้อมูลในโลกออนไลน์จนได้ความกระจ่างว่า สงวนเงินบัตรเครดิต ก็แค่การบล็อกวงเงินบัตรเครดิตของเราแค่ “ชั่วคราว” เช่น เรามีวงเงินบัตรเครดิต 5 หมื่นบาท โรงแรมขอสงวนเงินเอาไว้ 5,000 บาท และรถเช่าบล็อกไว้อีก 2หมื่นบาท เพราะฉะนั้นในระหว่างที่เราถูกสงวนวงเงินเอาไว้ เราจะเหลือวงเงินไว้ใช้ 2.5 หมื่นบาท

แต่หลังจากนั้น (ถ้าหากไม่มีเหตุผิดพลาด) วงเงินจะกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่วัน

แม้ว่าจะมีคนมาแชร์ข้อมูลเรื่องนี้กันมากมาย แต่ยังสับสนอยู่บ้าง เลยต้องขอให้ “ตัวจริงเสียงจริง” มาช่วยคอนเฟิร์มอีกคน

อัญชลี จรัสยศวุฒิชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ผลิตภัณฑ์บัตรและค่าธรรมเนียม สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บอกว่า การสงวนเงินบัตรเครดิต หรือ Pre-Authorization (เรียกสั้นๆ ว่า Pre-Auth ออกเสียว่า พรี-ออท) หรือ Pre-Deposit เป็นเพียงการกันวงเงินเอาไว้ แต่ยังไม่ได้มีการหักเงินจากบัตรเครดิต ซึ่งทางโรงแรมอาจจะใช้คำว่า “Verify Card”  

“การทำ Pre-Auth ลูกค้าไม่ต้องเซ็นชื่อในสลิป แต่ต้องเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งสังเกตได้จากในสลิปจะมีคำว่า PRE-AUTH หรือ CARD VER ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าเครื่องรูดบัตร” อัญชลี กล่าว

หลังจาก Pre-Auth แล้ว วงเงินที่ถูกกันเอาไว้จะกลับมาเป็นปกติภายในเวลาประมาณ 10-30 วัน ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ออกบัตร แต่พนักงานโรงแรมสามารถ “ยกเลิกการกันวงเงิน” ให้ได้ทันทีหลังจากเช็กเอาต์แล้ว

เพราะฉะนั้น ต้องถามพนักงานว่า สามารถยกเลิกการกันวงเงินได้ทันทีเลย หรือต้องใช้เวลากี่วันกว่าที่วงเงินจะคืนมาแบบอัตโนมัติ แต่กรณีรถเช่าอาจจะ
ต้องรอเวลาให้ครบกำหนดเอง

“ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่มีการขอยกเลิกวงเงิน ธนาคารผู้ออกบัตร เช่น ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จะคืนวงเงินให้ลูกค้าแบบอัตโนมัติภายใน 10 วัน แต่ตามกฎแล้วต้องคืนวงเงินให้ลูกค้าภายใน 30 วัน” อัญชลี กล่าว

แต่นั่นคือกระบวนการและระยะเวลาในสถานการณ์ปกติ แต่ถ้าบังเอิญโชคร้าย พนักงานเกิดเผลอไปเลือกให้เป็นการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต แทนที่จะเป็น Pre-Authorization หรือ Verify Card ก็อาจจะเพิ่มความยุ่งยากขึ้นมาอีก โดยเฉพาะถ้าปล่อยให้มีการเรียกเก็บเงินใน Statement แล้ว

เพราะฉะนั้น ทันทีที่ได้รับสลิปจากการสงวนเงินบัตรเครดิต ต้องตรวจสอบให้ดี และถ้าพบว่ามีความผิดพลาดต้องรีบทักท้วงให้พนักงานแก้ไขให้ทันที

ทางที่ดี เมื่อต้องเดินทางไกล (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) ควรจะเตรียมตัวและเตรียมวงเงินในบัตรเครดิตให้พร้อม เพราะเราอาจจะถูกสงวนเงินบัตรเครดิตจนทำให้วงเงินบัตรเครดิตที่เตรียมไปช็อปกระจายกลายเป็นไม่มีค่า เพราะถูกบล็อกเงินไปหมดแล้ว

อัญชลี ยังแนะนำอีกว่า ก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศต้องโทรไปแจ้งคอลเซ็นเตอร์ของบัตรเครดิตเอาไว้ด้วย เพราะนอกจากจะสามารถขอวงเงินเพิ่มได้อีก 10-30% (ขึ้นอยู่กับประวัติการชำระเงิน) แล้ว ธนาคารจะช่วยดูรายการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ผิดปกติให้ด้วย

เพราะฉะนั้น หยุดปีใหม่นี้นอกจากพกบัตรเครดิตที่ใช้อยู่ประจำติดตัวไปแล้ว อย่าลืมหยิบบัตรเครดิตติดตัวเผื่อไปอีกสักใบ จะได้สบายใจไม่ช็อก

ข่าวล่าสุด

กกต. เห็นชอบร่างแผนเลือกตั้ง – กำหนดวันใช้สิทธิ์ 8 ก.พ. 69