กูเกิลแนะธุรกิจไทย ปรับรับดิจิทัลอีโคโนมี
ดิจิทัลอีโคโนมีจะช่วยกระตุ้นโอกาสใหม่ๆ ให้กับคนทำงานไอที และดิจิทัลเข้ามาช่วยเปลี่ยนภาพเศรษฐกิจ
โดย...ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ
“คิดไม่ออกบอกกูเกิล” ยังคงเป็นวลีที่ทุกคนที่เคยใช้งานกูเกิลรู้จักเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะหาข้อมูลที่มีประโยชน์หรือเชิงธุรกิจจากทั่วโลก ค้นหาสินค้า ค้นหาเส้นทาง รับส่งอีเมลต่างก็ต้องเรียกใช้บริการของกูเกิลทั้งสิ้น ปัจจุบันมีการค้นหากว่า 3,000 ล้านคำ/วัน และมีผู้ใช้งานกว่า 1 แสนครั้ง/เดือน แค่ลูกค้ามีมือถือและสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าใช้งานทุกบริการของเราได้แล้ว”
นี่เป็นคำกล่าวของ อริยะ พนมยงค์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ กูเกิล ประเทศไทย ในงานเปิดสำนักงานกูเกิลในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากกูเกิลเริ่มเข้ามาให้บริการในประเทศไทยเพียง 3 ปี พบว่ามีการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า โดยสาขาในไทยเป็นสาขาที่ 3 ในเอเชีย รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย
ที่สำคัญคือ การประกาศนโยบายดิจิทัลอีโคโนมีของรัฐบาลจะช่วยให้คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น และช่วยขับเคลื่อนให้ภาคธุรกิจโดยรวมเติบโตได้แน่นอน ดังนั้นการเพิ่มบริการใหม่ๆ และพัฒนาศักยภาพให้เข้าถึงลูกค้าทุกระดับ จะช่วยสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจทุกระดับหันมาทำงานผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น พร้อมกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเติบโตขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ดิจิทัลอีโคโนมีจะช่วยกระตุ้นโอกาสใหม่ๆ ให้กับคนทำงานไอที และดิจิทัลจะเข้ามาช่วยเปลี่ยนภาพเศรษฐกิจให้ทันสมัยขึ้นได้ ซึ่งคนไทยมีความพร้อมในเรื่องของการใช้งานและระบบต่างๆ อยู่แล้ว ขณะที่ภาคธุรกิจไทยต้องเร่งปรับตัวรับเพื่อให้ดิจิทัลอีโคโนมีเกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ
“นโยบายดิจิทัลอีโคโนมีนอกจากจะเข้ามาช่วยตอบโจทย์การใช้งานออนไลน์ของคนไทยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการศึกษาผ่านระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้เด็กในพื้นที่ห่างไกลเรียนรู้ง่ายขึ้น ด้านเอสเอ็มอีก็ช่วยให้ภาคธุรกิจทำงานรวดเร็วและเปิดโอกาสให้แก่นักพัฒนาที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ได้เยอะขึ้น” อริยะ กล่าว
สำหรับการให้บริการของกูเกิลนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่การค้นหาข้อมูลจากทั่วโลกเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมในเรื่องของการทำธุรกิจและสร้างอินโนเวชั่นใหม่ๆ มาตอบโจทย์การใช้งานออนไลน์ในอนาคตด้วย ซึ่งหากภาคธุรกิจยังไม่ปรับตัวเพื่อใช้งานออนไลน์จะเสียโอกาสทางธุรกิจ เพราะคนไทยในปัจจุบันจะค้นหาข้อมูลด้านบริการหรือสินค้าใหม่ๆ ผ่านกูเกิลทั้งสิ้น
ด้าน พรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาด กูเกิล ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทได้เร่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดเวลา ปัจจุบันมีกว่า 45 ผลิตภัณฑ์แล้ว ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้งานมากและต้องอัพเดทข้อมูลด้านภาษาอย่างรวดเร็ว เพราะมีความต้องการค้นหาตลอดเวลาและใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักในการค้นหาข้อมูล
“โอกาสของกูเกิลในประเทศไทยนั้น มาจากการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นและการกระตุ้นใช้งานสัญญาณ 3จี ของผู้ให้บริการเครือข่าย ทำให้กูเกิลต้องหาฟีเจอร์ใหม่รองรับการใช้งานผ่านมือถือได้อย่างรวดเร็ว การค้นหาผ่านเสียงเป็นอีกบริการหนึ่งที่มีการใช้งานไม่แพ้ฟีเจอร์อื่นๆ เพราะการพิมพ์บนหน้าจอมือถืออาจไม่สะดวกเท่ากับกดแล้วพูด” พรทิพย์ กล่าว
ทางด้านของบริการนั้น การค้นหายังเป็นบริการหลักที่ลูกค้าเข้าใช้งานผ่านทั้งพีซีและมือถือ รองมา คือ Map Chrome Playstore และ Youtube ซึ่งความนิยมของบริการต่างๆ เพราะตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีเว็บไซต์เข้ามาทำธุรกิจร่วมกันเพื่อให้การค้นหาเจอเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว


