เจ้าหนี้โรงไฟฟ้าห้วยบงสั่งปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น
เจ้าหนี้โรงไฟฟ้า บริษัท เค.อาร์.ทู และ บริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ ขอให้ลูกหนี้ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่
เจ้าหนี้โรงไฟฟ้า บริษัท เค.อาร์.ทู และ บริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ ขอให้ลูกหนี้ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่
แหล่งข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรณีของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ที่นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ถือหุ้นใหญ่ กับกรณีของหนี้บริษัท เค.อาร์.ทู และบริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ ที่ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม “เวสต์ห้วยบง 2” และ “เวสต์ห้วยบง 3” ต้องแยกออกจากกัน เพราะทั้งสองโครงการได้เปิดดำเนินการผลิตแล้ว และยังมีการชำระหนี้ปกติ ส่วนกรณีของวินด์ฯ นั้นจะต้องระดมทุนไปสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 10 แห่ง ซึ่งธนาคารเจ้าหนี้ทั้งหมดระงับเงินกู้ออกไปก่อน
ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทมีบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ถือหุ้นร่วมอยู่ 20% บริษัท จูบุ อิเล็คทริค เพาเวอร์ โคราช บีวี (เนเธอร์แลนด์) ร่วมลงทุน 20% และบริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ ถือหุ้นใหญ่ 60% และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกจำนวนหนึ่ง
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งยังเป็นปกติ แต่จำเป็นจะต้องมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ด้วยการหาผู้ถือหุ้นใหม่ที่สนใจจะลงทุนในโครงการพลังงานมาซื้อหุ้นในส่วนของอีโอลัส พาวเวอร์ ของนายนพพร เพื่อให้หุ้นลดสัดส่วนลงมา ซึ่งอาจจะเป็นผู้ถือหุ้นเดิมก็ได้ แต่เท่าที่ได้ทาบทามทางบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ไม่สนใจที่จะซื้อหุ้นเพิ่ม
“หากผู้ถือหุ้นรายอื่นจะดำเนินโครงการต่อไป ก็จะต้องหาคนมาบริหารโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่ง ปรับโครงสร้างทางการเงิน และเปลี่ยนกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บริษัทก็จะทำธุรกิจต่อไปได้ ยืนยันว่าโรงผลิตไฟฟ้าพลังลมทั้งสองแห่งนี้เป็นโครงการที่ดี และมีแหล่งรายได้ที่แน่นอนจากความมั่นคงจากสัญญาการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งหมด และยังไม่เป็นหนี้จัดชั้นที่ต้องตั้งสำรอง” แหล่งข่าวเปิดเผย


