เปิดโอกาสทอง บุกลงทุน ‘กัมพูชา’

หลังจากกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนและองค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) ทำให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศดีขึ้นตามลำดับ ประกอบกับการที่มีค่าแรงถูก มีทรัพยากรหลากหลาย และได้สิทธิพิเศษทางภาษีในการส่งออกไปยังประเทศพัฒนาแล้ว (จีเอสพี) ส่งผลให้กัมพูชากลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติอย่างดี

ศก สีพนา ที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาเปิดโอกาสอย่างมากให้นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งรัฐบาลได้สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน โดยกำหนดมาตรการลดต้นทุนให้แก่ภาคธุรกิจทั้งที่เป็นการลงทุนเพิ่ม การขยายตลาด การลดต้นทุนการขนส่ง รวมไปถึงการปรับปรุงระบบความปลอดภัยภายในประเทศ

“รัฐบาลได้พัฒนากรอบกฎหมายสำหรับเอกชน ลดข้อกำหนดเกี่ยวกับเอกสารเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการใช้เอกสารในด้านการบริหารแบบเดียวกัน และระบบบริการแบบซิงเกิ้ล วินโดวส์ ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการต่างๆ ในการนำเข้า-ส่งออก”

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความพยายามของรัฐบาลกัมพูชา ที่ต้องการจะสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน เพื่อส่งเสริมการค้าของกัมพูชาและพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูป ผลผลิตทางการเกษตร และภาคการผลิต รวมถึงอุตสาหกรรมประกอบอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรในประเทศให้สูงขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนากฎหมายบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนเพื่อการลงทุน โดยเฉพาะในโครงการสาธารณูปโภค ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในกัมพูชาเติบโตอย่างต่อเนื่อง  โดยปี 2556 มูลค่าการลงทุนในกัมพูชาอยู่ที่ 1,396 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มีมูลค่า 577 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่ ศิริพร นุรักษ์ ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มองว่า กัมพูชาเป็นปลายทางการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ คนวัยทำงานจำนวนมาก ค่าจ้างแรงงานต่ำ รัฐบาลอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 100% ในเกือบทุกประเภทกิจการ มีสิทธิประโยชน์ทางการค้าและการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศ

ทั้งนี้ การลงทุนที่กัมพูชาส่งเสริมอย่างมาก ได้แก่ เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและคมนาคม พลังงานและไฟฟ้า อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก และอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรบุคคลและเหมืองแร่

 “แม้กัมพูชาจะยังมีอุปสรรคที่กระทบต่อการเติบโตบ้าง เช่น การเมือง ระบบราชการ ปัญหาทักษะแรงงาน รวมถึงความไม่พร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน แต่การเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติถือเป็นโอกาสที่ดีในการร่วมกันพัฒนาชาติสมาชิกอาเซียน”

ทั้งนี้ การทำธุรกิจในกัมพูชายังมีอุปสรรคที่สำคัญคือ การเริ่มต้นธุรกิจในกัมพูชานั้นต้องใช้เวลานานถึง 85 วัน และมีขั้นตอนมากมาย โครงสร้างพื้นฐานในกัมพูชาก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร

แต่ผู้ประกอบการไทยก็ไม่ควรปล่อยโอกาสทองไป  ต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน รวมถึงต้นทุนแอบแฝงในการทำธุรกิจ ซึ่งหากสามารถจับจุดได้ถูกต้อง โอกาสทางธุรกิจในกัมพูชาก็จะเปิดกว้างต้อนรับผู้ประกอบการไทยแน่นอน