ปลุกบุกอสังหาฯเพื่อนบ้าน

นักวิชาการชี้เศรษฐกิจไทยซบผลักเอกชนลงทุนเพื่อนบ้านแทน แนะลุยโรงแรม-รีสอร์ทขนาดกลาง-เล็ก

นายบุญชนะ บุญเลิศ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาศูนย์ขีดความสามารถในการแข่งขันแห่งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังมีปัญหาด้านการคลังพอสมควร เพราะไม่มีเงินและไม่มีเครื่องมือพอที่จะเอื้อต่อการลงทุน นอกจากนี้ ยังมีข้อติดขัดด้านกฎหมาย เช่น การซื้อและเช่าที่ดิน ที่ไม่ได้เปิดให้ซื้อหรือเช่าระยะยาวได้เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมีปัญหาคอร์รัปชั่น ความไม่ชัดเจนของนโยบาย ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตยากและมีแนวโน้มจะอยู่ในภาวะซบเซาไปอีกนาน

“ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและกฎหมายเหล่านี้เป็นตัวหนุนให้ผู้ประกอบการออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม” นายบุญชนะ กล่าว

ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นโอกาสและมีช่องทางที่นักลงทุนขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยจะเข้าไปเจาะตลาดได้ เพราะภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียนยังสามารถเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากหลายประเทศกำลังพัฒนาหลังจากเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน จึงทำให้ยังมีปริมาณความต้องการสูงอยู่ โดยสำหรับธุรกิจโรงแรมที่พัก ควรเจาะตลาดระดับกลาง-ล่าง เนื่องจากตลาดระดับบนไม่สามารถสู้บริษัทขนาดใหญ่ที่เข้าไปลงทุนก่อนหน้าได้

อย่างไรก็ดี นิด้าได้ร่วมกับสถานทูตใน 4 ประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยกับนักธุรกิจท้องถิ่นในประเทศนั้นๆ โดยจะเริ่มจากการไปจับคู่กับนักธุรกิจลาวเป็นประเทศแรกในเดือน ก.พ. 2558 หลังจากนั้นก็จะขยายไปยังกัมพูชา พม่า และเวียดนาม ส่วนธุรกิจที่จะไปจับคู่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มโรงแรม รีสอร์ท คอมมูนิตี มอลล์ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ไฟฟ้าและรถไฟ คาดว่าน่าจะเกิดการจับคู่ธุรกิจรวมทั้ง 4 ประเทศได้ประมาณ 100-150 ราย หรือคิดเป็นมูลค่าลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

ด้าน นายประดิษฐ์ วิธิศุภกร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยขีดความสามารถในการแข่งขันแห่งนิด้า กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีการแข่งขันสูงมาก แต่การเข้าไปลงทุนในตลาดซีแอลเอ็มวีนั้น ผู้ประกอบการไทยค่อนข้างได้เปรียบ เพราะเพื่อนบ้านเชื่อมั่นในคุณภาพและยอมรับในเทคโนโลยีไทย หากทำให้เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนเชื่อมโยงกันได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เข้มแข็ง