SVI ผลิตเต็มกำลังโรงงานใหม่ธ.ค.นี้

“เอสวีไอ” เด้งแรง คาดโรงงานใหม่แจ้งวัฒนะผลิตเต็มที่ได้ในเดือน ธ.ค. ซีไอเอ็มบีแนะขาย

นางพิศมัย สายบัว เลขานุการบริษัท เอสวีไอ (SVI) เปิดเผยว่า  หลังจากไฟไหม้โรงงานผลิตของบริษัทที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทได้เริ่มทดลองการผลิตที่โรงงานบนถนนแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเต็มที่ได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ ขณะที่โรงงานเอสวีไอ 2 ที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดีกำลังเร่งปรับปรุงพื้นที่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต

นอกจากนี้ บริษัทกำลังสำรวจมูลค่าความเสียหายและประเมินผลกระทบ โดยได้ทำประกันอัคคีภัยและธุรกิจหยุดชะงักครอบคลุมความเสียหายไว้แล้ว

ด้านการซื้อขายหุ้น SVI  เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจชัดเจนขึ้นหลังจากบริษัทมีความคืบหน้าในการกลับมาผลิตอีกครั้งหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่  ส่งผลให้ราคาหุ้นดีดขึ้นแรง 6.15% หรือ 0.24 บาท ปิดที่ระดับ 4.14 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายมากถึง 752 ล้านบาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีไอเอ็มบี ได้ปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น 13.7-53% ในปี 2557-2559 ลง สะท้อนผลกระทบจากเพลิงไหม้และเลื่อนปีฐานเป็นปี 2559 และคาดว่าบันทึกเงินชดเชยจากประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักรวม 212 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังปรับลดคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ขาย”

ขณะที่ประเมินว่าบริษัทน่าจะได้รับเงินชดเชยจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท อาจใช้เวลาเรียกคืนความเชื่อมั่น และอาจทำให้ลูกค้าใหม่ต้องพิจารณาเรื่องคำสั่งซื้อ

ในกรณีเลวร้ายสุด SVI อาจประสบปัญหาในการโน้มน้าวให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าจากบริษัท เพราะการผลิตได้รับผลกระทบจากเหตุสุดวิสัยแล้วถึงสองครั้ง ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนออกจาก SVI เพราะเชื่อว่าตลาดจะปรับลดประมาณการไปลงทุนในบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานเติบโตสูงแทน

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2557 SVI รายงานกำไร 269.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากไตรมาส 2 และ 27.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับประมาณการของตลาดโดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซั่นการเร่งผลิตสินค้าให้กับลูกค้าใหม่ และอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการประหยัดต่อขนาดและประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น

เหตุเพลิงไหม้โรงงาน SVI บริเวณที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือสายการผลิต ส่วนคลังสินค้าได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม SVI ได้ทำประกันภัยความเสียหายจากเหตุการณ์ในลักษณะนี้ รวมถึงประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ซึ่งในช่วงที่เกิดวิกฤตอุทกภัย SVI ได้รับเงินชดเชยราว 2,200 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินชดเชยความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สิน อุปกรณ์และสินค้าคงคลัง จำนวน 1,800 ล้านบาท