posttoday

พม่าจ่อผุดองค์การยางพารา

21 ตุลาคม 2557

เร่งดูดต่างชาติเข้าลงทุนธุรกิจในประเทศเอกชนไทยแนะผนึกกำลังเพิ่มอำนาจต่อรอง

เร่งดูดต่างชาติเข้าลงทุนธุรกิจในประเทศเอกชนไทยแนะผนึกกำลังเพิ่มอำนาจต่อรอง

พม่าเล็งผุดองค์การยางพารา ด้านเอกชนไทยแนะจับมือพม่า เพิ่มอำนาจต่อรอง

นายอูหลามินท์ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ปลูกยางและผลิตยางประเทศพม่า เปิดเผยว่า ทางสมาคมมีแนวคิดที่จะตั้งองค์การด้านยางพาราในพม่า หลังจากพม่ามีนโยบายส่งเสริมการค้าเสรีทั้งในและต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนปัจจัยต่างๆ ให้นักลงทุนด้วย ซึ่งสมาคมได้เข้ามาศึกษาระบบชำระเงินสงเคราะห์ (เซส) และกระบวนการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยของไทย เพื่อนำเอาแนวทางที่ประสบความสำเร็จไปประยุกต์ใช้ในพม่า

ปัจจุบันพม่ามีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 3.3 ล้านไร่ ส่วนใหญ่อยู่ใกล้กับไทย ได้แก่ รัฐกะเหรี่ยง รัฐมอญ และเขตตะนาวศรี ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 122 กิโลกรัม/ไร่/ปี และส่งออกประมาณ 8.6 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,900 ล้านบาท

ด้าน นายบุญหาญ อู่อุดมยิ่ง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา กล่าวว่า การดึงดูดนักลงทุนเข้าไปลงทุนด้านยางพาราในพม่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะต้นทุนการปลูกยางพาราของพม่ายังต่ำกว่าไทยมาก แต่ต้องตามศึกษาความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคว่าจะรองรับการลงทุนหรือไม่

“การที่พม่าส่งเสริมอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศย่อมมีผลต่อปริมาณการผลิตรวม ซึ่งจะส่งผลต่อราคายางพารา ดังนั้นไทยน่าจะดึงพม่าให้เข้ามาเป็นบริษัทร่วมทุนยางพารา เช่นเดียวกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย เพื่อคุมปริมาณการผลิตยางและยังเพิ่มอำนาจต่อรองในตลาด ซึ่งจะเป็นประโยชน์กว่าการแข่งกันเอง” นายบุญหาญ กล่าว

ทั้งนี้ สมาคมพ่อค้ายางพาราไทยมีแนวคิดจะเชิญประเทศผู้ผลิตยางพารารายใหม่ในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง (ซีแอลเอ็มวี) ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม มาทำงานร่วมกัน ซึ่งหลังจากการรวมตัวกันแล้วจะทำให้อัตราส่วนการผลิตยางพาราในกลุ่มประเทศอาเซียนอยู่ที่ 7080% ของกำลังการผลิตโลก

นายบุญหาญ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศผู้ผลิตจะช่วยให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในภูมิภาคอาเซียน เพื่อยกระดับและรักษาคุณภาพยางพาราให้มีมาตรฐาน จะนำไปสู่การรักษาเสถียรภาพราคายางร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรชาวสวนยาง

นอกจากนี้ สมาคมพ่อค้ายางพาราไทยยังได้ทำข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่ขายยางพาราในราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน เพราะขณะนี้ราคายางในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (เอฟโอบี) ต่ำกว่าปกติมาก โดยราคาซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 51 บาท/กิโลกรัม จากราคาปกติที่น่าจะอยู่ที่ระดับ 60 บาท/กิโลกรัม

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน