แอร์โรคลาส ขอโตตามกระบะส่งออก
ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ของ บริษัท แอร์โรคลาส ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งและชิ้นส่วนยานยนต์ในเครือบริษัท อีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป (อีพีจี) ที่ได้เปิดบ้านให้ชมสายพานการผลิตในโรงงานที่ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมอินเตอร์เนชั่นแนล โพลีเมอร์ ปาร์ค (ไอพีพี) จ.ระยอง
ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ของ บริษัท แอร์โรคลาส ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งและชิ้นส่วนยานยนต์ในเครือบริษัท อีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป (อีพีจี) ที่ได้เปิดบ้านให้ชมสายพานการผลิตในโรงงานที่ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมอินเตอร์เนชั่นแนล โพลีเมอร์ ปาร์ค (ไอพีพี) จ.ระยอง
เอกวัฒน์ วิทูรปกรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรคลาส ให้ข้อมูลว่า แอร์โรคลาสมีฐานการผลิตจำนวน 2 แห่งในโลก ได้แก่ ไทยและจีน ซึ่งประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักและฐานการวิจัยและพัฒนา ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม แบ่งเป็นพื้นปูกระบะ 8 แสนชิ้น/ปี หลังคาครอบกระบะ 2 หมื่นชิ้น/ปี ฝาครอบกระบะ 2.4 หมื่นชิ้น/ปี บันไดข้าง 1 แสนคู่/ปี และมีศูนย์กระจายสินค้า 3 แห่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และออสเตรีย
นอกจากนี้ ได้เตรียมแผนการขยายศูนย์กระจายสินค้าไปยังอีกหลายประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดและคำสั่งซื้อสินค้าของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ตามดีลใหญ่ระดับโลกที่กระจายชิ้นส่วนต่างๆ ของบริษัทไปยังโรงงานผลิตรถยนต์ทั่วโลกตามที่บริษัทต้องการ
“เรามีเป้าหมายที่วางไว้ในการขยายตลาดในการเอาธงชาติไทยไปปักไว้ในประเทศต่างๆ ตามตลาดรถกระบะที่ส่งออกไปจากประเทศไทยให้สู่สายตาทั่วโลก ซึ่งแนวคิดของการบริหารงานไม่ใช่อยู่ที่มีโปรดักต์ที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีฐานการผลิตที่ดีกระจายอยู่ทั่วโลกอีกด้วย” เอกวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจของแอร์โรคลาสในปี 2556 มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,281.5 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์พื้นปูกระบะสัดส่วน 60% คิดเป็นมูลค่า 1,317.9 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ ชุดแต่ง อุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ สัดส่วน 23% คิดเป็นมูลค่า 497 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ตกแต่งยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ สัดส่วน 17% คิดเป็นมูลค่า 379.4 ล้านบาท
ปริมาณความต้องการพื้นปูกระบะในประเทศไทยย้อนหลังไปในปี 2538 มีการติดตั้งประมาณ 5% ของปริมาณรถกระบะเท่านั้น จากความกังวลด้านการเจาะตัวถังรถกระบะ บริษัทจึงได้พัฒนาเทคโนโลยีให้พื้นปูกระบะติดตั้งได้โดยไม่ต้องเจาะตัวถัง ทำให้ปริมาณความต้องการขยายตัวจนถึงปัจจุบันที่มีการติดตั้งจำนวน 95% ของปริมาณรถกระบะในประเทศไทย
สำหรับในต่างประเทศอัตราการติดตั้งพื้นปูกระบะยังอยู่ในระดับเพียง 3040% เท่านั้น จึงมองถึงทิศทางการเติบโตของบริษัทในต่างประเทศที่ยังมีโอกาสและช่องว่างทางการตลาดอีกมาก


