ออมสินใจป้ำปล่อยกู้ใช้หนี้พนักงานยาสูบ

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามข้อตกลงการให้สินเชื่อพนักงานโรงงานยาสูบที่มีปัญหาทางการเงินนำไปชำระหนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ (พิเศษ) ล่าสุดมีพนักงานประสงค์ขอกู้แล้วประมาณ 900 ราย ซึ่งธนาคารเตรียมวงเงินไว้รองรับประมาณ 1,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ หนี้ที่ชำระประกอบด้วย 1.หนี้หน่วยงาน เช่น หนี้สวัสดิการหน่วยงาน หนี้ตามคำสั่งศาล หนี้สโมสร หนี้สหกรณ์ เป็นต้น 2.หนี้เงินกู้สินเชื่อตามระบบเครดิตบูโร เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อบุคคล หนี้สินเชื่อรถยนต์ เป็นต้น และ 3.หนี้อื่นๆ ที่พิสูจน์ได้ โดยต้องมีเอกสารหลักฐาน เช่น สัญญากู้เงิน บัตรประชาชนเจ้าหนี้ เป็นต้น

สำหรับอัตราดอกเบี้ยคิดที่อัตราลูกค้าชั้นดี หรือเอ็มแอลอาร์ ปัจจุบันอยู่ที่ 5.85% ต่อปี โดยกรณีใช้บุคคลค้ำประกัน 2 คน จะขอกู้ได้ในวงเงิน 50 เท่าของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 15 ปี กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ขอกู้ได้ในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปี (360 งวด) แต่จะกู้ได้ไม่เกิน 95% กรณีใช้ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นหลักทรัพย์ และไม่เกิน 80% กรณีใช้กรรมสิทธิ์ห้องชุด

นอกจากนี้ ผู้บริหารโรงงานยาสูบยังต้องการให้มีการต่อยอดสินเชื่ออื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับพนักงานอีก อาทิ สินเชื่อรถยนต์ เป็นต้น เพราะเมื่อเขาจ่ายมีภาระดอกเบี้ยน้อยลง ก็จะมีเงินไปใช้อย่างอื่นได้

สำหรับผู้มีสิทธิกู้จะต้องเป็นพนักงานโรงงานยาสูบและมีการจัดตั้งกลุ่มตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุสัญญากู้แล้วต้องไม่เกิน 60 ปี ต้องผ่านการพิจารณาและรับรองจากหัวหน้าหน่วยงาน ต้องจัดทำประกันชีวิตตามที่ธนาคารกำหนด และผู้ค้ำประกันต้องไม่ติดภาระค้ำประกันสินเชื่ออยู่กับธนาคาร รวมถึงภาระค้ำประกันเงินกู้ต่างๆ ด้วย

นายเลอศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ธนาคารได้นำร่องโครงการดังกล่าวด้วยการอนุมัติและมอบเงินสินเชื่อให้กับพนักงานยาสูบจำนวน 5 คน วงเงินกู้รายละ 1.5 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้มอบเงินกู้โครงการธนาคารประชาชนให้แก่พ่อค้าแม่ค้าย่านชุมนุมบ่อนไก่ จำนวน 10 ราย วงเงินกู้รายละ 1 แสนบาท ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากกรณีการชุมนุม

นายเลอศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ธนาคารออมสินพร้อมทำหน้าที่แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน (ซอฟต์โลน) ในโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท ผ่านทางธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยจะคิดดอกเบี้ยจากธนาคารพาณิชย์ 0.01% ต่อปี เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์นำไปปล่อยต่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะชดเชยภาระที่เกิดขึ้นให้แก่ธนาคารออมสินต่อไป