รังสี ทีปกรสุขเกษม ผู้บริหาร SMART

รังสี ทีปกรสุขเกษม วัย 38 ปี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบา ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เตรียมจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 2 ต.ค.ที่จะถึงนี้

เขาเป็นลูกคนกลางของ “ประทีป ทีปกรสุขเกษม” ประธานกรรมการบริษัท CCP ชีวิตผูกพันอยู่ที่ จ.ชลบุรี ตลอด

จบปริญญาตรีด้านการบริหารทั่วไปจากมหาวิทยาลัยบูรพา และเรียนต่อปริญญาโท มหาวิทยาลัยทรีนิตี้ เวสเทิร์น แคนาดา เรียนจบกลับมาช่วยกิจการที่บ้านดูแลธุรกิจโรงแรมของครอบครัวคือโรงแรมชลอินเตอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องดูแลงานด้านบริการเพียง 1 ปี ที่ได้รับมอบหมายจากบิดาให้มาเริ่มทำงานและบุกเบิก SMART

เขาเล่าว่า หลังจากที่ “ประทีป” และ “ชาคริต” น้องคนสุดท้องที่ตอนนั้นเป็นกรรมการผู้จัดการของ CCP มีความเห็นว่าอนาคตหลายอุตสาหกรรมอาจเจอปัญหาขาดแคลนแรงงาน และต้องอาศัยนวัตกรรม เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตมากขึ้น พร้อมๆ กับจะเห็นความต้องการในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง จึงเริ่มตั้ง SMART

บริษัทก่อตั้งกันมา 8 ปี ช่วงแรกของธุรกิจความยากมันเริ่มตั้งแต่การคิดสูตรเคมีต่างๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาที่ดีออกมา ซึ่งใช้เวลากว่า 2-3 ปี จึงจะได้สูตรอย่างเช่นปัจจุบัน

ความยากลำดับต่อมา คือ การทำความเข้าใจกับผู้รับเหมา หน้าร้าน หรือผู้บริโภค เพราะตอนนั้นเรื่องอิฐมวลเบาได้รับความนิยมน้อย ตลาดยังแคบอยู่ แต่อิฐมวลเบาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ได้เข้ามาซื้อกิจการบริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ (Q-CON) ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่และมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง

ยุคที่ 2 ของบริษัทเริ่มอยู่ในช่วงปี 2554 ที่เกิดขาดแคลนสินค้าเพราะเกิดวิกฤตน้ำท่วมไทย และเริ่มเป็นที่รับทราบข้อมูลแล้วว่าเกิดการใช้งานที่ทำให้ประหยัดต้นทุนได้ เนื่องจากคุณสมบัติและการใช้งานเอื้ออำนวยต่อทั้งผู้รับเหมา เจ้าของอาคาร และเป็นวัสดุที่สามารถทดแทนแรงงานที่ช่วยทำให้เกิดความรวดเร็วในการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี

“เมื่อ SCC ซื้อ QCON เหมือนเป็นการจุดประเด็นให้คนสนใจว่าอะไรคืออิฐมวลเบา มันดีอย่างไร มันช่วยต่อยอดกับปูนอย่างไร และสิ่งหนึ่งที่บริษัทจะทำได้เมื่อบริษัทมีขนาดเล็กกว่า กำลังการผลิตน้อยกว่า นั่นคือการพยายามรักษาและชูจุดแข็งที่เน้นกันมาตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัท เรื่องการเน้นการบริการหลังการขาย

ยุคที่ 3 ของบริษัทจะเกิดขึ้นหลังจากระดมทุนและจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพราะจะทำให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตได้เพิ่มเป็น 4.5 ล้านตารางเมตร/ปี จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 3 ล้านตารางเมตร/ปี และบริษัทจะเน้นการศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดอื่น รวมถึงแตกไลน์ผลิตภัณฑ์อื่นไปด้วย ควบคู่ไปกับการทำให้บริษัทมีความคล่องตัวรองรับการเจริญเติบโตในอนาคต”

ผู้บริหารหนุ่มคนนี้สนใจออกกำลังกายด้วยการเดินลู่วิ่งประมาณวันละครึ่งชั่วโมง และเวลาว่างก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแลลูก 2 คน ในวัย 3 ขวบกับ 6 เดือน หรือไม่ก็หาเวลาพักผ่อนด้วยการดูหนังบ้าง