อากาศร้อนดันเป๊ปซี่ขายดี เปิดแผนบุกช่วงบอลโลก

"เป๊ปซี่" ชี้อากาศร้อนจัด-ออกสินค้าขนาดใหม่ ดันยอดขายไตรมาสแรกโตเท่าตัว ลุยส่ง5แผนบุกตลาดน้ำดำรับศึกบอลโลก ดันครึ่งปีแรกโต2หลัก

นายนภ วงศ์พาณิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทเสริมสุข ผู้ทำตลาดกระจายสินค้าน้ำอัดลมในกลุ่มเป๊ปซี่ เปิดเผยว่าภาพรวมรายได้น้ำอัดลมทุกประเภทในไตรมาสแรกปีนี้ มีอัตราเติบโตสูง8-9% หรือกว่าโตกว่าเท่าตัว เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตราว3-4% ส่วนภาพรวมตลาดน้ำอัดลมทุกประเภทมูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท แบ่งสัดส่วน70% เป็นตลาดน้ำดำ มีอัตราเติบโตเฉลี่ย5-6%

สำหรับการเติบโตยอดขายของบริษัทที่มากกว่าตลาดรวม  มาจาก2-3 ปัจจัยหลัก คือ 1.สภาพอากาศร้อนจัดในปีนี้ที่มาเร็วและอยู่นาน 2.การออกสินค้าเป๊ปซี่ขนาดใหม่ อาทิ ขนาด 460 มล. ราคา 12 บาท ขนาด1.2 ลิตร ราคา 25 บาท เป็นต้น รวมถึงการออกแบบลวดลายบรรจุภัณฑ์ หรือ แพ็คเกจจิงบนกระป๋องเครื่องดื่ม เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น  

นางเจษฎากร ธราธิป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์น้ำอัดลม  บริษัทเป๊ปซี่-โคล่า(ไทย) เทรดดิ้ง เจ้าของสินค้าและผู้ทำตลาดเป๊ปซี่ กล่าวว่าเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการทำตลาด บริษัทเตรียมใช้งบที่เหลือกว่า 60% จากงบรวมกว่า 100 ล้านบาทที่วางไว้ตั้งแต่เดือนก.พ.-ก.ค.ปีนี้ จัดกิจกรรมการตลาดส่งเสริมการขายภายใต้แนวคิดแคมเปญฟุตบอลโลก 2010 ในช่วงครึ่งหลัง ภายใต้แนวคิด “เชียร์สุดอารมณ์บอล”  ด้วยแผนการทำตลาด5 กลยุทธ์ประตูชัย  คือ ประตูที่1. ภาพยนตร์โฆษณาชุด เชียร์ ประตูที่2.พรีเซ็นเตอร์ใหม่ของแบรนด์เป๊ปซี่ โดยดึง 3 ไอคอนหนุ่ม ชิน-ชินวุฒิ, เต๋อ-ฉันทวิทย์ และเก้า จิรายุ เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่และกลุ่มเป้าหมายเป๊ปซี่อายุ15-30ปี

ส่วนประตูที่3.โปรโมชันแคมเปญ “นัดนี้ทุ่มแหลกแจกรถทุกวัน” เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคและแฟนเป๊ปซี่ลุ้นเป็นเจ้าของรถนิสสันมาร์ช ลายแอฟริกัน โดยเป๊ปซี่แจกรถทุกวันๆละคันรวม 22 คันมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เป็นต้น ประตูที่4. “เป๊ปซี่เชียร์” นวัตกรรมเป๊ปซี่สีทองรุ่นจำนวนจำกัด น้ำอัดลมมประจำเทศกาลฟุตบอล  2010 ในแพ็คเกจสดใสสไตล์แอฟริกัน และประตูสุดท้ายที่ 5. ภารกิจการสร้างความคึกคักและความสนุกให้กรุงเทพฯ ด้วยกิจกรรม “เป๊ปซี่...เชียร์สุดอารมณ์บอล” ณ ลานพาร์ค พารากอน ในวันเสาร์ที่ 5 มิ.ย. 

สำหรับแคมเปญต่างๆ ถือเป็นแผนการตลาดทำตลาดในประเทศท้องถิ่น หรือ โลคัล แคมเปญครั้งแรกในรอบ 12ปี ซึ่งประเทศไทยได้รับการอนุมัติจากบริษัทแม่ให้ดำเนินการได้เอง เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดน้ำดำ ซึ่งประเทศไทยที่ติดอันดับ1ใน10ของตลาดน้ำดำที่ใหญ่ที่สุด และคาดว่าหลังสิ้นสุดมหกรรมฟุตบอลโลก2010 จะมีส่วนช่วยผลักดันตลาดน้ำดำเติบโตขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตามจากขั้นตอนการขอซื้อหุ้นคืนทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายย่อย(เทนเดอร์ ออฟเฟอร์)ระหว่างบริษัทเป๊ปซี่ฯ และบริษัทเสริมสุข ซึ่งจะสิ้นสุดการเทนเดอร์ฯในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ ไม่เป็นผลต่อการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆระหว่าง 2 บริษํท โดยยังคงดำเนินการไปตามปกติ ด้วยเป็นแคมเปญที่ต้องร่วมดำเนินการและวางแผนไว้ก่อนหน้าอยู่แล้ว