ชีวิตการทำงานของอาชีพ ‘ผู้จัดการกองทุน’ ตอนที่ 2
กว่าจะมาเป็น ‘ผู้จัดการกองทุน’
กว่าจะมาเป็น ‘ผู้จัดการกองทุน’
งานสาย “ผู้จัดการกองทุน” หากเริ่มต้นทำงานสายนี้นับตั้งแต่เรียนจบ โดยมากจะเริ่มในตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน” หรือ “ผู้ช่วยนักวิเคราะห์” หรือ“นักวิเคราะห์” จากนั้นจึงค่อยๆ พัฒนามาเป็น “ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน” และ “ผู้จัดการกองทุน” ในที่สุด ซึ่งโดยมากจะใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี ในการไต่ระดับมาเป็นผู้จัดการกองทุน
คุณสมบัติสำคัญของผู้ที่อยากทำงานสายนี้ถ้าในแง่วุฒิการศึกษา การเรียนในสายการเงิน หรือเศรษฐศาสตร์จะได้เปรียบ เนื่องจากมีความรู้พื้นฐานด้านการเงินการลงทุน แต่ก็มีหลายกรณีที่มีผู้ที่จบจากสายอื่นๆ เข้ามาทำงานด้านนี้เช่นกัน โดยเฉพาะสาขาวิศวะฯ เนื่องจากมีพื้นฐานด้านการคำนวณค่อนข้างดี นอกจากนั้นยังมีการสอบ CFA, CISA, FRM, Fund Manager License ซึ่งต้องใช้ความมานะพยายามอย่างมากที่จะสอบให้ผ่านในแง่ทักษะอื่นๆ ผู้ที่จะมาทำงานสายนี้ควรมีพื้นฐานของการใช้งานคอมพิวเตอร์ค่อนข้างดี โดยเฉพาะการใช้Spreadsheet ควรมีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษที่แข็งแรง เนื่องจากบ่อยครั้งที่จะต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกับคู่ค้าต่างประเทศและยังต้องอ่านบทวิเคราะห์วิจัยด้านการลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ
นอกจากนี้ความสามารถในการนำเสนอผลงานก็มีความสำคัญ เนื่องจากผู้จัดการกองทุนมีหน้าที่ส่วนหนึ่งในการไปเสนอผลงานการลงทุนกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ผู้จัดการกองทุนควรจะเป็นคนที่มีความสามารถทำงานในภาวะกดดันได้ดี มีความสามารถในการวิเคราะห์ กล้าตัดสินใจ และรู้จักการทำงานเป็นทีม สรุปแล้วก็เรียกได้ว่าเยอะทีเดียวครับกับคุณสมบัติต่างๆ ที่ควรมีในการที่จะมาทำงานด้านนี้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เหนือกว่าความสามารถของทุกคนแน่นอน สำคัญคือต้องมีความอุตสาหะพยายามในการผลักดันตัวเองครับ
ความรับผิดชอบของ ‘ผู้จัดการกองทุน’
งาน “ผู้จัดการกองทุน” เป็นงานที่ต้องบริหารเม็ดเงินจำนวนมาก หลายกรณีเป็นการบริหารเงินเก็บก้อนสำคัญของนักลงทุนที่ให้ความไว้ใจมอบเงินเก็บมาให้บริหาร เพื่อคาดหวังให้มีผลตอบแทนเติบโตไว้ใช้ในยามเกษียณ หลายกรณีเป็นการบริหารเงินที่พ่อแม่เก็บไว้ใช้เป็นทุนการศึกษาของลูก หรือเป็นเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตหลายๆ คนที่เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ผู้จัดการกองทุนจึงเป็นงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงที่จะต้องบริหารเงินลงทุนให้ดีที่สุด วิเคราะห์การลงทุนอย่างระมัดระวัง นำเงินไปลงทุนให้เหมาะสม ไม่ประมาทหรือรับความเสี่ยงมากจนเกินไป การจะตัดสินใจลงทุนแต่ละครั้งต้องกระทำด้วยความรอบคอบ และยึดผลประโยชน์สูงสุดของนักลงทุนเป็นสำคัญ “ผู้จัดการกองทุน” ที่ดีต้องให้ความสำคัญต่อเงินลงทุนของลูกค้าเหนือกว่าเงินลงทุนส่วนตัวของตัวเอง ต้องมีจริยธรรมและจิตสำนึกในการปฏิบัติหน้าที่ ความรับผิดชอบตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้จัดการกองทุนทุกคนต้องมี เพื่อทำให้นักลงทุนจำนวนมากที่ให้ความไว้วางใจมอบเงินให้มาบริหารได้บรรลุสู่เป้าหมายทางด้านการเงิน มีโอกาสที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน รวมไปถึงการเกษียณและใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข
อนาคตของธุรกิจจัดการลงทุน
ปัจจุบันเม็ดเงินการลงทุนในกองทุนรวมของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ผู้เขียนมองว่าอัตราการเติบโตของเงินลงทุนในธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นธุรกิจจัดการเงินลงทุนจึงเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต อีกทั้งในอนาคตหลังจากมีการเปิดเสรีในการทำธุรกิจนี้จะเริ่มทำให้มีผู้เล่นที่เป็นกองทุนต่างประเทศเข้ามาร่วมสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมได้อีกมาก สิ่งสำคัญที่สุดอันหนึ่งที่จะช่วยผลักดันแนวโน้มการเติบโตนี้ก็คือคุณภาพของผู้จัดการกองทุนบ้านเรา ที่นอกจากจะต้องมีความรู้ความสามารถด้านการบริหารเงินลงทุน ยังต้องมีสำนึกรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ มีคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงาน ก็ขอฝากทุกท่านที่กำลังทำงานในสายนี้ หรือสนใจมาทำงานด้านนี้มาช่วยกันพัฒนาอุตสาหกรรมกองทุนไทยให้เติบโตก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปครับ


