3 ทายาท "แลมป์ตั้น" ลุยค้าปลีกต่อยอดหลอดไฟ

โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์

หลังจากกลุ่ม “ไชยสงวนมิตต์” ผู้ปลุกปั้นหลอดไฟภายใต้แบรนด์ “แลมป์ตั้น” ซุ่มสะสมแลนด์แบงก์ย่านพระราม 2 มาอย่างยาวนานรวมแล้วกว่า 50 ไร่ ล่าสุดเจเนอเรชั่น 2 ของหลอดไฟแลมป์ตั้นได้ฤกษ์หยิบที่ดินบางส่วนมาพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้ชื่อ “เดอะไบรท์” รองรับการขยายโครงการที่อยู่อาศัยย่านพระราม 2 และยังเป็นพื้นที่ในการปั้นแบรนด์ให้กับ “แลมป์ตั้น” อีกด้วย

“ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพหลอดไฟแล้ว เรามั่นใจว่าแลมป์ตั้นไม่เป็นสองรองใคร แต่หากกล่าวถึงการรับรู้ในเรื่องแบรนด์ ต้องยอมรับว่าอาจยังไม่แข็งแรงพอ” กฤษฎา ไชยสงวนมิตต์ ทายาทคนโตของตระกูลไชยสงวนมิตต์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลมป์ตั้น ไลท์ติ้ง (2001) และผู้อำนวยการโครงการ เดอะไบรท์ กล่าว

นั่นเป็นหนึ่งในเป้าหมายอันดับต้นๆ ของการแตกไลน์มาลงทุนในธุรกิจใหม่ของกลุ่มแลมป์ตั้นที่มีความแตกต่างจากธุรกิจเดิมมาก โดยทายาทคนโตของแลมป์ตั้นกล่าวว่า หลังจาก 3 พี่น้องเข้ามาสานต่อกิจการหลอดไฟแลมป์ตั้นของครอบครัวได้ประมาณ 35 ปี ก็มีแผนที่จะนำที่ดินย่านพระราม 2 ซึ่งอยู่ในทำเลที่ดีมาก ใจกลางทำเลพระราม 2 ติดริมถนน เยื้องๆ กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 มาพัฒนาที่เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของแลมป์ตั้น

แต่จากการศึกษาการลงทุนกลับพบว่า ที่ดินบริเวณนี้หากนำไปพัฒนาเป็นโครงการเชิงพาณิชย์ จะได้ผลตอบแทนที่ดีมากคืนกลับมา ส่วนการสร้างอาคารสำนักงานให้กับบริษัทตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ปล่อยเช่ามากนัก ถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีรายได้คืนกลับมา อีกทั้ง ยังพบว่า ในบริเวณใจกลางทำเลพระราม 2 เช่นนี้ มีโอกาสให้กับธุรกิจคอมมมูนิตี้มอลล์สูงมาก เพราะมีที่อยู่อาศัยจำนวนมาก จึงทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางหันมาลงทุนในธุรกิจมาพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้ชื่อ “เดอะไบรท์”

“แม้ว่าย่านพระราม 2 ยาวไปจนถึงเมืองใหม่มหาชัยจะมีคอมมูนิตี้มอลล์หลายแห่ง แต่ถือว่าการที่มีคู่แข่งหลายราย ทำให้เรียนรู้จุดเด่นและจุดอ่อนของโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ในบริเวณนี้ เพื่อนำมาปรับใช้กับโครงการของตัวเองได้ดี” กฤษฏา กล่าว

นอกจากเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินได้แล้วพี่ใหญ่แห่งบ้านแลมป์ตั้นยังมองว่าธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์บนทำเลใจกลางพระราม 2 ยังเป็นพื้นที่ที่สามารถต่อยอดให้กับธุรกิจหลักอย่างหลอดไฟแลมป์ตั้นได้ โดยภายในโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ “เดอะไบรท์” จะแบ่งพื้นที่ประมาณ 800 ตารางเมตร (ตร.ม.) สร้างเป็นโชว์รูมแห่งแรกของแลมป์ตั้น ซึ่งจะมีสินค้าที่เกี่ยวกับหลอดไฟ โคมไฟให้เลือกหลากหลายมาก

ที่ผ่านมาแลมป์ตั้นจะขายสินค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นหลัก ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ขาย หากมีโชว์รูมแล้ว จะใช้เป็นโมเดลต้นแบบในการขยายไปยังช่องทางใหม่ๆ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายทั้งผู้บริโภคและกลุ่มลูกค้าโครงการ ซึ่งปัจจุบันแลมป์ตั้นเจาะตลาดโครงการได้น้อยมาก มีสัดส่วนประมาณ 10% จากยอดขายรวมทั้งปีประมาณ 1,000 ล้านบาท เชื่อว่าหากมีโชว์รูมแล้วจะช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายโครงการเป็น 20% ได้

ด้าน อวัศยา ไชยสงวนมิตต์ ทายาทคนที่สองของครอบครัว และประธานบริษัท แลมป์ตั้น พร็อพเพอร์ตี้ ผู้ดูแลโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ เดอะไบรท์ กล่าวถึงผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคย่านพระราม 2 ว่า พื้นที่ 4 เขต ประกอบด้วย เขตบางขุนเทียน จอมทอง บางแค และภาษีเจริญ มีผู้อยู่อาศัยทั้งหมด 1.8 แสนครอบครัว มีประชากรรวมเกือบ 5 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาสูงถึง 3 ล้านบาทขึ้นไปมากถึง 43% รายได้ต่อครัวเรือน 7 หมื่นบาท มีสัดส่วนมากถึง 33% และมากกว่า 7 หมื่นบาท มีมากถึง 42% ซึ่งถือว่ามีกำลังซื้อที่สูงมาก สอดคล้องกับยอดจับจ่ายใช้สอยเมื่อออกนอกบ้านเฉลี่ยสูงถึง 1,950 บาท/ครั้ง/คน

“ยอดใช้จ่ายดังกล่าวใกล้เคียงกับยอดใช้จ่ายนอกบ้านของคนย่านสุขุมวิทที่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,5003,000 บาท/คน/ครั้ง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการลงทุนโครงการเดอะไบรท์จะได้รับการตอบรับที่ดี” อวัศยา กล่าว

สำหรับโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ 10 ไร่ บนถนนพระราม 2 ขาออก ห่างจากทางลงทางด่วนเฉลิมมหานคร 1.5 กิโลเมตร เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ความสูง 4 ชั้น พื้นที่รวม 1.7 หมื่น ตร.ม. ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท พื้นที่ภายในโครงการแบ่งเป็นส่วนของร้านอาหาร 50% การธนาคารและการบริการ 20% ร้านความงาม 10% และอื่นๆ 20% รวมถึงอาคารจอดรถ 8 ชั้น รองรับรถได้กว่า 500 คัน โดยปัจจุบันได้ดึงบริษัท ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ผู้ให้บริการซูเปอร์มาร์เก็ต 24 ชั่วโมง มาเป็นแม่เหล็กหลักบนพื้นที่ 1,500 ตร.ม. ส่วนผู้เช่ารายอื่นๆ อยู่ระหว่างเจรจา คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณเดือน ก.ย. 2558

ธรณ์ธันย์ ไชยสงวนมิตต์ ทายาทคนที่สามของครอบครัว ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ บริษัท แลมป์ตั้น ไลท์ติ้ง (2001) และผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบโครงการเดอะไบรท์ กล่าวว่า ได้นำจุดเด่นของไฟแลมป์ตั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งอาคารคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ด้วย พร้อมกับนำหลอดแอลอีดีมาใช้ภายในโครงการ เพื่อประหยัดพลังงานได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับคอมมูนิตี้มอลล์ที่ใช้หลอดไฟทั่วไป

นี่คือจุดเริ่มต้นของการแตกไลน์ไปยังธุรกิจใหม่ๆ ของกลุ่มแลมป์ตั้น ซึ่งหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จก็พร้อมพัฒนาโครงการใหม่บนที่ดินอีก 2 แปลง แปลงละ 20 ไร่ที่เหลือ โดยหวังให้ธุรกิจใหม่นี้เสริมธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งขึ้น