posttoday

ชี้ช่องลงทุน"ศรีลังกา"โรงแรม-อสังหาฯ-แปรรูปรุ่ง

21 สิงหาคม 2557

เอกชนไทยยุคใหม่กำลังเดินหน้าสยายปีกการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

โดย...สมหทัย โมสิกะ

เอกชนไทยยุคใหม่กำลังเดินหน้าสยายปีกการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปลายทางสุดฮิตสมัยนี้หนีไม่พ้นประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน แต่หากมองรวมไปถึงเอเชีย ยังมีอีกหลายประเทศที่น่าสนใจ รวมถึง “ศรีลังกา” ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้อยู่ในเรดาร์ของคนไทยมากนัก

หลังจากสงครามในประเทศสงบลง รัฐบาลศรีลังกาก็ได้เดินหน้าพัฒนาประเทศอย่างจริงจังในทุกด้าน โดยเน้นการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลาง (ฮับ) 5 ด้านหลัก + 1 ได้แก่ ฮับการค้า ฮับการเดินเรือ ฮับการบิน ฮับพลังงาน ฮับธุรกิจการศึกษา และบวกหนึ่ง คือ การท่องเที่ยว

นพพร อัจฉริยวนิช เอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ชี้ช่องการลงทุนสำหรับธุรกิจไทยในศรีลังกา ว่า มีหลายอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ อาทิ กลุ่มธุรกิจบริการ ได้แก่ โรงแรม ซึ่งตอนนี้มีบริษัทไทยเข้ามารับจ้างบริหารโรงแรมในศรีลังกาแล้ว เช่น เซนทารา กรุ๊ป กลุ่มอมารี แต่ยังไม่มีบริษัทใดเข้ามาสร้างโรงแรมเอง นอกจากนี้ก็ยังมี ธุรกิจศูนย์การค้า เพราะที่ศรีลังกามีแต่ห้างขนาดเล็ก แต่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เหมือนเมืองไทย ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่ไทยมีความเชี่ยวชาญสูง

“ธุรกิจสปาและอาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบของชาวศรีลังกามาก แต่ตอนนี้ยังมีคนมาลงทุนน้อย สปามีเพียงไม่กี่แห่ง ส่วนร้านอาหาร เจ้าของก็เป็นคนต่างชาติ ยังไม่มีคนไทยมาเปิดเอง”

นอกจากธุรกิจบริการข้างต้นแล้ว ทุนไทยอาจสร้างความร่วมมือด้านโรงพยาบาลเพื่อดึงคนศรีลังกาไปตรวจร่างกาย หรือรับการรักษาในประเทศไทยได้ โดยขายจุดเด่นคือ ค่ารักษาพยาบาลถูกกว่าประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ และยังสามารถท่องเที่ยวพักผ่อน ช็อปปิ้ง ไปพร้อมกันได้ในทริปเดียว ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือคนรวยในศรีลังกาที่มีประมาณ 23 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดประมาณ 21 ล้านคน

ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมก่อสร้างในศรีลังกาก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ รัฐบาลศรีลังกามีที่ดินในเขตกรุงโคลัมโบหลายแห่ง ที่เปิดให้เอกชนมาเช่าระยะยาวสูงสุดถึง 99 ปี ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ได้

นอกจากนี้ เนื่องจากศรีลังกามีผลผลิตด้านประมงและการเกษตรจำนวนมาก นักธุรกิจไทยสามารถมาลงทุนด้านอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยอาจมารับซื้อสินค้าประมงจากผู้ประกอบการศรีลังกา เพื่อส่งออก หรืออาจทำธุรกิจห้องเย็น แปรรูปสินค้า โรงงานปลากระป๋อง เพราะอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ในศรีลังกายังมีขนาดเล็กและไม่ได้มาตรฐาน ส่วนในผลผลิตเกษตรนั้น ศรีลังกาปล่อยให้ผลผลิตเน่าเสียถึง 30% จึงเป็นโอกาสที่นักธุรกิจไทยจะมาผลิตผลไม้กระป๋องได้ ซึ่งศรีลังกามีผลไม้เหมือนกับไทย เพราะมีสภาพภูมิอากาศคล้ายคลึงกัน

อย่างไรก็ตาม นพพรมองว่าการลงทุนในศรีลังกาก็ยังมีความท้าทายบางประการเช่นกัน อาทิ กฎหมายการลงทุนที่ยังล้าสมัย การลงทุนในบางธุรกิจอาจต้องเจรจาเป็นกรณีๆ ไป ต่างชาติไม่สามารถถือครองที่ดินได้ และค่าไฟฟ้าแพง

ทั้งนี้ หากต้องการลงทุนในต่างประเทศ ก็ต้องรู้จักบ้านเมือง รู้จักคน ผู้บริโภค นิสัยของคนทั่วไป ระบบราชการ และกฎหมายท้องถิ่น ที่สำคัญคือต้องมีพันธมิตรท้องถิ่นที่ดี

“คนไทยไม่ค่อยกล้าไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะรู้สึกว่าข้างหน้ามีอะไรไม่รู้ ถ้ายังไม่เห็นคนประสบความสำเร็จ ก็จะไม่กล้าเข้าไป”

ด้าน ณัฐพงศ์ คงประเสริฐ ผู้จัดการโรงงาน บริษัท บิชอฟ กัมมา ลังกา บริษัทร่วมทุนไทยสวิส ผลิตลูกไม้ส่งออก ซึ่งมาขยายการลงทุนในศรีลังกาตั้งแต่ปี 2551 ได้ชี้ถึงจุดเด่นของศรีลังกาว่า มีแรงงานคุณภาพ ค่าแรงถูก โดยมีค่าแรงขั้นต่ำประมาณวันละ 4 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 130 บาท ถูกกว่าหลายประเทศในอาเซียน มีการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศ เช่น อินเดีย ปากีสถาน ซึ่งทำให้ธุรกิจที่มาลงทุนสามารถได้สิทธิประโยชน์ในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดเหล่านี้ รวมถึงยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) จากสหภาพยุโรปและสหรัฐด้วย

สำหรับธุรกิจที่น่าสนใจมาลงทุนในมุมมองของเขาคือ การท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ และการส่งออกรถยนต์ใช้แล้วมาจำหน่ายในศรีลังกา

“ศรีลังกามีความต้องการรถยนต์มือสองมาก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง ราคารถกระบะโตโยต้า วีโก้ แบบใช้แล้วประมาณ 4 ปี ขายกันหลักล้านเลยทีเดียว ผมมองว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะตอนนี้ไทยมีรถมือสองเยอะ” ณัฐพงศ์ ทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

อีลอน มัสก์ สร้างสถิติเป็นคนแรกของโลกที่รวยเกิน 700,000 ล้านดอลลาร์