ตลาดออนไลน์กัมพูชา
อีคอมเมิร์ซคือธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงของยุค เพราะเป็นการซื้อขายสุดสะดวก และหนึ่งในตลาดออนไลน์ที่กำลังเติบโตใน พ.ศ.นี้ก็คือ ตลาดอีคอมเมิร์ซ ในประเทศกัมพูชา
อีคอมเมิร์ซคือธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงของยุค เพราะเป็นการซื้อขายสุดสะดวก และหนึ่งในตลาดออนไลน์ที่กำลังเติบโตใน พ.ศ.นี้ก็คือ ตลาดอีคอมเมิร์ซ ในประเทศกัมพูชา
เว็บไซต์แคมโบเดีย เดลี่ ระบุว่า ทุกสุดสัปดาห์นอกจากร้านขายเสื้อผ้าดังๆ แบบมีหน้าร้านจริงจะคลาคล่ำไปด้วยเหล่านักช็อปแล้ว ตอนนี้บรรดาแฟนเฟซบุ๊กก็ต่างแห่ชมหน้าเว็บเพจที่ตนเองชื่นชอบเพื่อมองหาสินค้าที่ต้องการเหมือนกัน อย่างเช่น เพจของลิตเติ้ล แฟชั่น (Little Fashion) ที่เปิดตัวในโลกออนไลน์เมื่อ 4 ปีก่อนแบบไร้คู่แข่ง แต่ตอนนี้กลับต้องเจอกับเพจหน้าใหม่ๆ ที่แจ้งเกิดกันทุกเดือน
อิน วิเชต เจ้าของเพจยอดนิยมที่มีแฟนเพจมากกว่า 4 แสนราย บอกว่า ช็อปปิ้งออนไลน์ทำได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งเฟซบุ๊กเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยให้เข้าถึงคนทั่วไปและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ สำหรับตัวเขาเองเลือกใช้เฟซบุ๊กเป็นตลาดขายสินค้า เมื่อลูกค้าเลือกได้ของที่ถูกใจได้แล้ว ก็จะสั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊กหรือโทรสั่งและจะจ่ายเงินเมื่อสินค้าส่งไปถึงบ้าน
ส่วนในมุมของคนซื้อ นักศึกษาสาววัย 22 ปี คนหนึ่งของสถาบันธุรกิจแห่งชาติกัมพูชา บอกว่า เธอซื้อของจากลิตเติ้ล แฟชั่น มาตั้งแต่สมัยเปิดตัวแรกๆ เพราะตัวเองไม่มีเวลามากนัก ดังนั้นการซื้อเสื้อผ้าออนไลน์จะง่ายกว่า แถมการส่งสินค้ายังใช้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้น
มาถึงตอนนี้ต้องบอกว่าตลาดออนไลน์ของกัมพูชาเติบโตมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ใช้เฟซบุ๊กเกือบครึ่งหนึ่งเป็นคนวัย 1824 ปี ซึ่งจำนวนมากเป็นนักเรียนนักศึกษาหรือคนทำงานที่ไม่มีเวลาออกไปช็อปปิ้งตามร้านจริงๆ เมื่อดูในแง่การขยายตัว พบว่าคนใช้เฟซบุ๊กในกัมพูชาเพิ่มขึ้นเกือบ 15% นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2555 กว่าสองเท่าตัว ส่วนนักท่องเน็ตก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาโทรศัพท์มือถือและอัตราค่าบริการถูกลง
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดออนไลน์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายอย่างรออยู่ ไม่ว่าเรื่องของอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของชาวกัมพูชาที่ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ยังมีการใช้บัตรเครดิตน้อย และขาดระบบไปรษณีย์ระดับชาติ
วิเชต บอกว่า เพจลิตเติ้ล แฟชั่น ของเขา สร้างทางเลือกให้ลูกค้า ซึ่งจะสามารถสั่งสินค้าผ่านคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กหรือข้อความส่วนตัว พร้อมให้บริการลูกค้าแบบตัวต่อตัวในร้านของตัวเองที่มีอยู่ และจัดส่งสินค้าโดยใช้มอเตอร์ไซค์ ซึ่งตอนนี้มีการจัดส่งประมาณ 50 เที่ยว/วัน
“การซื้อของออนไลน์เป็นเรื่องใหม่ หลายคนยังไม่เชื่อมั่น คุณจะต้องสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง”
สอดคล้องกับ ดารา รัตตะนะ เจ้าของ แฮปปี้ ช็อป ที่เล่าว่า เธอทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นเชื่อใจในการทำธุรกิจในโลกจริงๆ ก่อน โดยเธอเริ่มจากขายของให้กับเพื่อนของเพื่อน ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้าน จากนั้นเมื่อสร้างเครือข่ายลูกค้าในชีวิตจริงได้เข้มแข็งพร้อมดึงมากดไลค์เพจเฟซบุ๊กเพื่อรับประกันความน่าเชื่อถือของเธอได้แล้ว เธอจึงหันมาทำธุรกิจออนไลน์อย่างจริงจัง
“บางคนไม่เชื่อร้านค้าออนไลน์ เพราะเคยมีประสบการณ์ซื้อของปลอมหรือของคุณภาพต่ำ แต่สำหรับฉันแล้ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไร ลูกค้ารู้ว่าฉันไม่ได้โกหกพวกเขา”
นอกจากทำตลาดผ่านเพจเฟซบุ๊กทั่วไปแล้ว ตอนนี้ ลิตเติ้ล แฟชั่น กำลังอาศัยแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนซึ่งเชื่อว่าจะยกระดับการช็อปปิ้งออนไลน์ไปอีกขั้น เพราะตอนนี้ชาวกัมพูชาประมาณ 81% เข้าเพจเฟซบุ๊กผ่านสมาร์ทโฟน ดังนั้นเจ้าของเพจลิตเติ้ล แฟชั่น จึงเชื่อว่าในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ การช็อปปิ้งออนไลน์จะพัฒนาไปอีกมาก แต่คงใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะถึงระดับของอะเมซอน เว็บขายของออนไลน์อินเตอร์ชื่อดัง


