ศรีพันวาปั้นแบรนด์ใหม่เจาะนักลงทุนขายปล่อยเช่า

โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์

หลังจากปลุกปั้นแบรนด์โรงแรมสุดหรู “ศรีพันวา” ที่ภูเก็ตมา 10 ปีจนติดลมบน เป็นที่นิยมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ด้วยความพร้อมทั้งด้านการบริหารจัดการ และเงินทุนจากการที่กลุ่มชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ นำโรงแรมสุดหรู “ศรีพันวา” จัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา มูลค่าโครงการรวม 2,001.83 ล้านบาท และเปิดขายหน่วยลงทุนไปตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

นับจากนี้จะมีความพร้อมในการขยายการลงทุน ทั้งขยายเฟสเดิมในศรีพันวา และลงทุนในโรงแรมใหม่ๆ ด้วยแบรนด์ใหม่ๆ ภายใต้ร่มเงาของแบรนด์แม่อย่าง “ศรีพันวา” พร้อมกับสร้าง “เชนโรงแรม” ระดับไฮเอนด์ที่จะเปิดกว้างรับบริหารให้กับเจ้าของโรงแรมระดับบนต่างๆ ด้วย

วรสิทธิ์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีพันวา แมเนจเม้นท์ หรือ SPWP และบริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ กล่าวว่า เตรียมสร้างแบรนด์ “บาบา บีช คลับ” เพื่อเป็นเชนโรงแรมใหม่ที่ใช้ขยายและ รับบริหารให้กับแบรนด์อื่นๆ แต่หากเป็นการขยายเฟสของศรีพันวาจะยังคงใช้ศรีพันวาเช่นเดิม

ปัจจุบันศรีพันวามีทั้งหมด 80 วิลล่า รวม 108 ห้องนอน เป็นไพรเวท เรสซิเดนซ์ ที่เปิดขาย 38 หลัง ราคาขาย 40280 ล้านบาท และอีก 42 หลังเป็นส่วนที่ลงทุนเอง อัตราค่าเข้าพัก เริ่มต้น 1 ห้องนอน 2.44 หมื่นบาท/คืน สูงสุด 5 ห้องนอน 3 แสนบาท/คืน อัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 60-70%

ด้านการลงทุนขยายเฟสใหม่ๆ ในส่วนของศรีพันวา บนที่ดินประมาณ 6 ไร่ จะพัฒนาเป็นโรงแรม สูง 23 ชั้น จำนวน 3 อาคาร รวมห้องพัก 30 ยูนิต ขนาด 120-200 ตารางเมตร (ตร.ม.) อัตราค่าเข้าพักเริ่มต้น 1.62 หมื่นบาท/คืน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนเกือบ 600 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2558

“ในอนาคตมีแผนที่จะนำโรงแรมส่วนใหม่เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย พร้อมกับเรสซิเดนซ์ วิลล่า อีก 3 หลัง รวมมูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท”

นอกจากนี้ ยังเหลือที่ดินอีกประมาณ 13 ไร่ในพื้นที่ศรีพันวา เบื้องต้นจะพัฒนาเป็นเรสซิเดนซ์ ขนาดใหญ่เพื่อขาย พื้นที่รวม 1 ไร่ จำนวน 1 หลัง มี 89 ห้องนอน 2 สระว่ายน้ำ ราคา 380 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนนำมาปล่อยเช่าเป็นโรงแรม คาดว่าจะได้ผลตอบแทนประมาณ 78%

วรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า พื้นที่ที่เหลืออีกประมาณ 12 ไร่ จะพัฒนาเป็นพูล วิลล่า 1 ห้องนอน ขนาด 90 ตร.ม. จำนวน 24 หลัง อัตราค่าบริการ 2.4 หมื่นบาท/คืน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในอีก 2 ปี ข้างหน้า โดยที่ดินแปลงนี้ขอใบอนุญาตผ่านแล้ว และ ต่อใบอนุญาตมาแล้ว 2 ครั้ง เพราะต้องการพัฒนาเป็นห้องพักขนาดใหญ่

ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายใหม่ของภูเก็ตจะควบคุม ไม่ให้ก่อสร้างห้องพักขนาดใหญ่ เพื่อลดปัญหาเรื่องทัศนียภาพของห้องพักขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามแนวเขา ซึ่งคาดว่าเทรนด์ห้องพักตามแนวเขาในภูเก็ตจะมีขนาดที่เล็กลง

นอกจากการขยายเฟสใหม่ที่ศรีพันวาแล้ว เมื่อปลายปี 2556 ที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดินย่านหาดนาใต้ จ.พังงา ซึ่งเป็นรอยต่อกับภูเก็ตตอนเหนือ จำนวน 24 ไร่ ในราคาเฉลี่ยประมาณ 15-20 ล้านบาท/ไร่ พัฒนาเป็นโครงการเพื่อขายและนำมาปล่อยเช่าเป็นโรงแรม ภายใต้แบรนด์ “บาบา บีช คลับ นาใต้ ภูเก็ตเหนือ”

โครงการดังกล่าวแบ่งเป็นโซนคอนโดมิเนียม จำนวน 6 อาคาร รวมทั้งหมด 60 ยูนิต พื้นที่ห้องชุด 150-200 ตร.ม. ราคาขาย 1217 ล้านบาท หรือ 5 แสนบาท/ตร.ม. โซนบีช วิลล่า จำนวน 3 หลัง หลังละ 150 ล้านบาท และพูล วิลล่า จำนวน 24 หลัง หลังละ 20 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 2,000 ล้านบาท โดยจะเปิดการขายประมาณปลายปี 2557 นี้

ทั้งนี้ โครงการบาบา บีช คลับ นาใต้ เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ หรือ CI และบริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ วางแผนเจาะกลุ่มนักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่าเป็นโรงแรม อัตราค่าเข้าพักประมาณ 8,000-1.3 หมื่นบาท/คืน

ในส่วนของการรับบริหาร ศรีพันวาจะปั้นเชน “บาบา บีช คลับ” เข้าไปบริหารโรงแรม “บาบา บีช คลับ ชะอำ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “บ้านทิวทะเล ชะอำหัวหิน” ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มชาญอิสสระ และเครือสหพัฒน์ จำนวน 40 ห้องพัก ขนาด 250-300 ตร.ม. ราคา 1.52 หมื่นบาท/คืน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณปี 2560

วรสิทธิ์ กล่าวว่า จะสังเกตว่าการลงทุนในเฟสใหม่ๆ ทั้งศรีพันวา และบาบา บีช คลับ นาใต้ อัตราค่าเข้าพักจะถูกลงกว่าศรีพันวา เพราะต้องการรองรับฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียว หรือมาเป็นกลุ่มเพื่อนก๊วนใหญ่ ที่ต้องการพักเหมายกชั้น หรือกลุ่มที่มางานแต่งงาน ห้องพักไม่เพียงพอ เพราะที่ผ่านมาศรีพันวามีข้อจำกัดที่เป็นห้องใหญ่

“เฟสใหม่ๆ เราจึงปรับให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มมากขึ้น”

นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ของกลุ่มศรีพันวา ที่กำลังจะเริ่มสยายปีกออกนอกพื้นที่ภูเก็ตไปยังเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ๆ ของไทย