ข้าวมือถือเพื่อน้อง

โดย...วรธาร

ต้องยอมรับว่าเด็กไทยจำนวนไม่น้อยประสบกับปัญหาภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารเบี่ยงเบนไปจากปกติ อาจได้รับไม่เพียงพอ เกิน หรือผิดสัดส่วน จากการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล โดยเด็กที่มีปัญหาทุพโภชนาการนั้นจะมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำและเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย บางครั้งอาจรุนแรงจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

จากการที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เฝ้าติดตามการเจริญเติบโตของนักเรียนไทย พบว่า มีภาวะอ้วน เตี้ย และผอม จะเห็นว่าสาเหตุมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง เช่น เด็กในเมืองกินผักผลไม้น้อย กินอาหารที่มีไขมันสูง ชอบรสหวาน มัน เค็ม และขาดการออกกำลังกาย ในทางกลับกัน เด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ครอบครัวยากจน มีทางเลือกในการรับประทานอาหารไม่มาก ได้รับอาหารน้อยเกินไปจนทำให้ขาดสารอาหาร จึงมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง เห็นความสำคัญกับปัญหาด้านโภชนาการของเด็กไทย จึงจัดโครงการ “ข้าวมือถือ...มื้อนี้มีแต่ให้” โดยนำข้าวผัดบรรจุซองพร้อมรับประทานผลิตภัณฑ์ของพรานทะเลจำนวน 3 แสนซอง ไปมอบให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศรวม 21 จังหวัด ทั้งนี้เพื่อต้องการให้เด็กๆ ได้รับประทานอาหารที่นอกจากจะอร่อยถูกปากแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายด้วย

ชลทิพย์ อุดมมหันติสุข ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดภาพรวม บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง เล่าที่มาและจุดประสงค์โครงการว่า ปกติพรานทะเลจะทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับเด็กๆ ถือเป็นกลุ่มหมายที่เราให้ความสำคัญ สำหรับโครงการนี้ที่เราจัดขึ้นเพราะพรานทะเลเห็นว่าทุกวันนี้เด็กไทยในหลายพื้นที่ของประเทศ เช่น พื้นที่ห่างไกลเมืองยังขาดแคลนอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้เด็กๆ ประสบกับภาวะที่เรียกว่าทุพโภชนาการ เช่น ร่างกายไม่เจริญเติบโตเต็มที่เป็นไปตามวัย บางคนอ้วนเกินไป บางคนผอมเกินไปไม่สมวัย เป็นต้น

“พรานทะเลเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงจัดโครงการข้าวมือถือ...มื้อนี้มีแต่ให้ โดยได้นำข้าวมือถือซึ่งเป็นข้าวผัดบรรจุซองพร้อมรับประทาน ผลิตภัณฑ์ของพรานทะเล จำนวน 3 แสนซอง ไปมอบแก่เด็กๆ ในพื้นที่ต่างๆ ใน 21 จังหวัด ทั่วทุกภาคของประเทศ อาทิ บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อำนาจเจริญ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก พะเยา น่าน แพร่ หมุนเวียนจนครบ สำหรับข้าวมือถือที่เรานำมาแจกจ่ายให้กับเด็กๆ นั้นสามารถเก็บไว้ได้นาน 1 ปีรับประทานได้สะดวก ไม่ต้องปรุง แกะซองเทใส่จาน หรือไม่ต้องเทกินในซองก็ได้ตามสะดวก จึงเหมาะกับเด็กๆ ทดแทนการกินขนมหรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเขาได้”

สำหรับพื้นที่เป็นที่ลงโครงการในครั้งนี้ คือพื้นที่เขตชายแดนแพรกตะคร้อ และบ้านป่าหมาก ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทยกะเหรี่ยงปะเกอกะเญอกว่า 1,000 คน เด็กประมาณ 450 คน ซึ่งการเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ใช่แค่นำข้าวมือถือมาแจกเท่านั้น แต่ยังได้ให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่เด็กและผู้ปกครองด้วย

“เราไม่ได้นำอาหารมาแจกอย่างเดียว แต่ได้ให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ผู้ใหญ่ด้วย เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นคนจัดหาอาหารให้น้องๆ รับประทาน เช่น ให้ความรู้ง่ายๆ ในเรื่องของการรับประทานอาหารให้ครบหลักโภชนาการทั้ง 5 หมู่ การหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ รวมทั้งอาหารที่มีรสจัดเกินไป หรือมันเกินไปจนส่งผลเสียต่อร่างกายเด็ก เพราะเด็กมักกินข้าวรวมกับผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำการหาอาหารในพื้นที่มีคุณค่ามาปรุงอาหารด้วย”

ด.ช.สุทธดร พิชิตบรรพต อายุ 11 ขวบ เล่าถึงความรู้สึกที่ได้รับจากโครงการว่า นอกจากทำให้ตนอิ่มท้อง ยังได้รับความรู้หลายอย่าง เช่น ได้รู้จักอาหาร 5 หมู่ ข้าวที่ให้พลังงาน และยังมีผักพื้นบ้านหลายชนิดที่มีประโยชน์ คือมีวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย

“ในแต่ละวันที่บ้านผมพ่อแม่มักทำอาหารรสจัด แต่พี่ๆ ที่มาจะบอกว่าอาหารรสจัดหรือหมักดองไม่ดีกับเด็ก ควรกินอาหารสด เช่น ผักสด รสชาติกลางๆ ไม่เผ็ด หวาน หรือเค็มจนเกินไป ยิ่งได้ลองกินข้าวมือถือรสพะแนงหมู คล้ายกับที่แม่เคยทำให้กินแต่เผ็ดน้อยกว่า อร่อยมากครับ มีทั้งหมู แครอต ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา พริกชี้ฟ้า และใบมะกรูด”

ชลทิพย์ ทิ้งท้ายว่า อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำคัญมากต่อเด็กๆ เพราะส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายและยังมีผลทางอ้อมต่อการเรียนรู้ของเด็ก ดังนั้นพ่อแม่จึงควรใส่ใจและสรรหาอาหารที่มีประโยชน์และคุณค่าสารอาหารครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายให้เด็กได้รับประทานอยู่เสมอๆ