อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ( ภ.ง.ด.51 ) ปี 2557
รัฐบาลได้มีนโยบายเกี่ยวกับภาษีอากรหลายมาตรการด้วยกัน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากรได้มีการปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 530 พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และในปี 2556 ได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 564 พ.ศ. 2556 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 530 พ.ศ. 2554
รัฐบาลได้มีนโยบายเกี่ยวกับภาษีอากรหลายมาตรการด้วยกัน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากรได้มีการปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 530 พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และในปี 2556 ได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 564 พ.ศ. 2556 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 530 พ.ศ. 2554
เหตุผลในการออกกฎหมายปรับลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและจูงใจการลงทุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากต่างประเทศ อันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนให้มีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่สอดคล้องกัน ปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านต่างก็มีอัตราภาษีเงินได้ใกล้เคียงกับอัตราภาษีที่ปรับลด
บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ โดยทั่วไปจะเสียภาษีในอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 2556 เป็นต้นไป ส่วนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นภาษีและเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราที่ต่ำกว่าร้อยละ 20
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ใช้ยื่นแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือนแรก (ภ.ง.ด.51) สรุปได้ดังนี้
l บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไป
จัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ
l บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท (เป็นรายได้เฉพาะจากการขายสินค้าและการให้บริการเท่านั้น)
กำไรสุทธิ 300,000 บาทแรก ยกเว้นภาษี
กำไรสุทธิส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท เสียภาษีอัตราร้อยละ 15
กำไรสุทธิส่วนที่เกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีอัตราร้อยละ 20
ข้อสังเกต บริษัท ฯลฯ ต้องไม่มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีใดเกิน 5 ล้านบาท และต้องไม่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีใดเกิน 30 ล้านบาท ทั้งนี้ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 2555 เป็นต้นไป ตัวอย่าง ปี 2556 บริษัทฯ มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี 10 ล้านบาท และมีรายได้ฯ 20 ล้านบาท ไม่สามารถใช้สิทธิยกเว้นและลดอัตราภาษีได้ ในปี 2557 บริษัท ฯลฯ ลดทุนจดทะเบียนเหลือ 4 ล้านบาท และคาดว่ามีรายได้ฯ ไม่เกิน 30 ล้านบาท แต่ต้องเสียภาษีอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิทั้งจำนวน เพราะในปี 2556 บริษัทฯ เคยมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีเกิน 5 ล้านบาท มาก่อน
6 เดือนแรก (ภ.ง.ด.51) บริษัท ฯลฯ ส่วนใหญ่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการประมาณการกำไรสุทธิ ดังนั้นการประมาณการกำไรสุทธิเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ หากได้ประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริงในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2557 โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องเสียเงินเพิ่มอัตราร้อยละ 20 ของภาษีที่คำนวณจากประมาณการกำไรสุทธิที่ได้ประมาณการขาดไป สวัสดีครับ


