posttoday

อคส.ล้างอาถรรพ์ปัดฝั่นส้างไซโลข้าว

17 กรกฎาคม 2557

นับว่าเป็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งขององค์การคลังสินค้า (อคส.)

โดย...ทีมข่าวเศรษฐกิจภาครัฐโพสต์ทูเดย์

นับว่าเป็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่จะเดินหน้าโครงการก่อสร้างไซโลเก็บสินค้าเกษตร แม้ว่าในช่วง 10 ปีกว่าที่ผ่านมา อคส.จะมีความพยายามผลักดันโครงการสร้างไซโลมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่าโครงการต้องพับลงกลางทางทุกครั้งเหมือนโครงการนี้มีอาถรรพ์

“อคส.มีแผนที่จะสร้างไซโล เพราะจากผลศึกษาโครงการสร้างไซโลระบบปิดที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี พบว่า อคส.จะได้ประโยชน์จากการสร้างไซโลดังกล่าว ซึ่งไซโลที่ว่านี้จะใช้เป็นเครื่องมือในการจัดเก็บสินค้าเกษตร จากเดิมที่ต้องพึ่งพาโกดังและไซโลเก็บสินค้าของภาคเอกชน โดย อคส.จะนำแผนสร้างไซโลเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุมัติในเร็วๆ นี้ เพราะเป็นโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนเกิน 100 ล้านบาท” ชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการ อคส. ให้สัมภาษณ์

หากย้อนกลับไปในเดือน ก.ย. 2552 อคส.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงและทำสัญญากับบริษัท จีจีเอฟ (ไทยแลนด์) ซึ่งมีหุ้นส่วนใหญ่เป็นบริษัท จีจีเอฟ มาเลเซีย (GGF Gloden House Sdn.Bhd.) โดยข้อตกลงกำหนดให้ จีจีเอฟ ลงทุนสร้างไซโลเก็บข้าว 10 แห่ง แห่งละ 2 แสนตัน รวมความจุทั้งสิ้น 2 ล้านตัน มูลค่าลงทุน 6,000 ล้านบาท

ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า อคส.จะให้จีจีเอฟเป็นเจ้าแรกที่ได้สิทธิเก็บฝากสินค้าเกษตรที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อคส. อัตราค่าเช่า 41 บาท/ตัน/เดือน เป็นระยะเวลา 30 ปี ที่สำคัญ อคส.ให้สิทธิแก่จีจีเอฟเป็นนายหน้าขายข้าวในไซโลจำนวน 2 ล้านตัน/ปี โดยได้ค่านายหน้า 2% ของมูลค่าข้าวตลอดอายุสัญญา

แต่สุดท้ายโครงการให้เอกชนมาลงทุนสร้างไซโลก่อนและได้ค่าตอบแทนเป็นค่าฝากเก็บต้องล้มลง เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตรวจสอบพบว่าเป็นสัญญาที่ อคส.เสียเปรียบ และการประมูลเข้าข่ายผิดกฎหมายฮั้ว จึงสั่งให้ยกเลิกสัญญา แม้ว่าจะทำให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยที่ได้โควตากระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้นไม่พอใจ

ต่อมาในช่วงเดือน ส.ค. 2554 อนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการ อคส.ในขณะนั้น หยิบยกโครงการก่อสร้างไซโลเก็บข้าวมาปัดฝุ่นอีกครั้ง เพื่อนำเสนอรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สั่งเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเต็มตัว แต่เงื่อนไขเปลี่ยนเป็นให้ อคส.ลงทุนสร้างไซโลควบคุมอุณหภูมิสำหรับจัดเก็บข้าวในสต๊อกของรัฐบาล เพื่อรักษาคุณภาพข้าวและยืดอายุการจัดเก็บข้าวเอง โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล 1,000-1,200 ล้านบาท

ที่สุดแล้วโครงการก่อสร้างไซโลของ อคส.ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ และจนถึงทุกวันนี้ อคส.ก็ยังไม่มีไซโลเก็บสินค้าเกษตรแบบปิดเป็นของตัวเองเสียที ในขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เลือกที่จะเช่าโกดังจากเอกชนในการเก็บรักษาข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าว

กระทั่งมาถึงยุค ชนุตร์ปกรณ์ ได้มีการฟื้นโครงการสร้างไซโลระบบปิดอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ ชนุตร์ปกรณ์ มาพร้อมกับผลการศึกษาความคุ้มค่าการสร้างไซโลที่ชัดเจน โดยจะใช้ที่ดินของ อคส.ใน จ.สระบุรี สร้างไซโลระบบปิด สำหรับรองรับการจัดเก็บข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน เพื่อป้องกันสินค้าเสื่อมคุณภาพ ขนาดความจุรวม 5 หมื่นตัน หรือเป็นไซโลขนาด 5,000 ตัน จำนวน 10 ลูก วงเงินลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท พร้อมทั้งได้ร่างข้อกำหนดงานสำหรับเชิญชวนเอกชนเข้าประมูลงานสร้างไซโลที่ออกแบบรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้ว

“กรณีการจัดเก็บข้าวสารในไซโล พบว่า จุดคุ้มทุนในการสร้างไซโลจะอยู่ที่ 5.26 แสนตัน โดยมีระยะเวลาคืนทุนภายใน 12 ปี 2 เดือน แต่หากเป็นการเก็บข้าวเปลือกจุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ 3.67 แสนตัน ระยะเวลาคืนทุนภายใน 8 ปี 8 เดือน” รายงานผลการศึกษา ระบุ

นอกจากนี้ หากการเดินหน้าสร้างไซโลเฟสแรกประสบความสำเร็จ อคส.มีแผนสร้างไซโลระบบปิดทั่วทุกภูมิภาค ภูมิภาคละ 1 แห่ง รวมเป็น 7 แห่ง ได้แก่ ไซโลภาคเหนือตอนบน ไซโลภาคเหนือตอนล่าง ไซโลภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ไซโลภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ไซโลภาคตะวันออก ไซโลภาคตะวันตก และไซโลภาคกลาง เพื่อรองรับสินค้าเกษตรจากตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

“หาก คสช.เห็นด้วย อคส.ก็พร้อมลงทุนสร้างไซโลระบบปิดทันที แต่หากไม่เห็นด้วย และ คสช.มีแผนที่ดีกว่า อคส.ก็พร้อมทำตาม ขณะที่ข้อเสนอการสร้างไซโลได้ผ่านการอนุมัติจากบอร์ด อคส.ชุดเก่าที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งตามมารยาทต้องรอบอร์ดชุดใหม่ แต่คาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกนานกว่าจะได้บอร์ดชุดใหม่ อคส.จึงจะเดินหน้าเสนอ คสช.ไปก่อน” ชนุตร์ปกรณ์ ระบุ

คงต้องติดตามกันว่า อคส.จะลบล้างอาถรรพ์และเดินหน้าสานต่อโครงการก่อสร้างไซโลสำเร็จหรือไม่

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน