ทุนไทยผุดเซนติโด้ฯเขาหลักเชื่อเที่ยวใต้ยังบูมอีกนาน

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

ภาคใต้ของไทยเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างรายได้ให้ประเทศ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไปสัมผัสความงามของทะเลใต้ โดยเฉพาะที่ภูเก็ต และกระจายสู่จังหวัดข้างเคียง ทำให้ผู้ประกอบการสนใจลงทุนพื้นที่ใกล้เคียงมากขึ้น

สุชาติ หิรัญกนกกุล กรรมการผู้จัดการ ภูเก็ต เกรซแลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซนติโด้ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท เกรซแลนด์ เขาหลัก เปิดเผยว่า ได้ลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท สร้างโรงแรมแห่งใหม่ที่ อ.เขาหลัก จ.พังงา มี 338 ห้องพัก แบ่งเป็นห้องพักดีลักซ์ 316 ห้อง และพูลวิลล่า 22 หลัง บนพื้นที่ 44 ไร่ พร้อมกันนี้ได้ซื้อแฟรนไชส์เซนติโด้ ซึ่งเป็นเครือโรงแรมนานาชาติ (เชน) เชื้อสายเยอรมนีมาใช้บริหารเอง ภายใต้ชื่อ เซนติโด้ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท เกรซแลนด์ เขาหลัก ถือเป็นโรงแรมแบรนด์เซนติโด้แห่งแรกในเมืองไทย และแห่งแรกในเอเชียด้วย ตั้งเป้าหมายปีแรกมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60%

สาเหตุที่เลือกเซนติโด้ เนื่องจากรู้จักกับเจ้าของเซนติโด้มานานแล้ว จึงต้องการทำธุรกิจร่วมกัน โดยเซนติโด้เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว แตกต่างจากโรงแรมในเขาหลักที่ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก ลงทุนน้อย และเป็นระดับ 4 ดาว ส่วนกลุ่มเป้าหมายหลักที่มองไว้ คือ ตลาดยุโรปและสแกนดิเนเวีย ตลาดเหล่านี้ต้องการหนีความวุ่นวายจากภูเก็ตมาเที่ยวเขาหลักแทน เพราะไม่ชอบบรรยากาศครึกครื้นที่ภูเก็ต แต่ต้องการบรรยากาศที่สงบเงียบ ในพื้นที่ไม่มีการพัฒนามากเกินไป ซึ่งเซนติโด้ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท เกรซแลนด์ เขาหลัก ก็สร้างขึ้นมาตอบโจทย์กลุ่มเหล่านี้พอดี โดยได้ทดลองเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย. 2556 คาดว่าจะใช้เวลา 10 ปีคืนทุน ซึ่งถือว่านานกว่าโรงแรมทั่วไป เนื่องจากเขาหลักไม่ใช่พื้นที่ที่การท่องเที่ยวเติบโตร้อนแรงมาก

“ที่เลือกใช้เชนต่างประเทศ เพราะทำตลาดง่ายกว่าสร้างโรงแรมแล้วใช้แบรนด์ตัวเอง ซึ่งต้องใช้เวลาทำตลาดนานกว่าจะเป็นที่รู้จัก อีกทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวยุโรป เช่น ตลาดเยอรมนี อังกฤษ ได้ง่ายกว่า เพราะนักท่องเที่ยวรู้จักเชนนี้จากโรงแรมในประเทศตัวเองอยู่แล้ว” สุชาติ กล่าว

ทั้งนี้ แม้ส่วนตัวจะไปขยายลงทุนเพิ่มที่เขาหลัก แต่ยังให้ความสำคัญลงทุนธุรกิจท่องเที่ยวในภูเก็ตเช่นเดิม โดยภูเก็ต เกรซแลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ก็เพิ่งลงทุน 1,200 ล้านบาท ก่อสร้างโรงแรมระยะที่ 2 รวม 140 ห้อง เมื่อรวมห้องพักอาคารเดิมที่มีอยู่ 460 ห้อง ก็จะทำให้มีห้องพักรวม 600 ห้อง ซึ่งก็ได้เปิดให้บริการห้องพักใหม่ไปแล้วเมื่อปลายปีก่อน ขณะที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยหลังเปิดห้องพักเพิ่มอยู่ที่ 74% ต่ำกว่าเดิมซึ่งอยู่ที่ 76% โดยไตรมาส 2 ธุรกิจได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง แต่คาดว่าแนวโน้มการใช้บริการจะสดใสขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี และรักษาอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 74% ได้

นอกจากลงทุนโรงแรม ยังได้ลงทุน 100 ล้านบาท สร้างร้านอาหาร ภูเก็ต ฟิช มาร์เก็ต รองรับผู้ใช้บริการ 1,200 ที่นั่ง คาดว่าใช้เวลา 5 ปีคืนทุน รูปแบบของร้าน เกิดจากเห็นทิศทางตลาดปลาในต่างประเทศได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ซึ่งภูเก็ตก็มีปลาสดให้รับประทานมาก แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครนำแนวคิดตลาดปลามาเปิดร้านอาหาร จึงเปิดเอง ในร้านจะให้ลูกค้าเลือกปลาสดๆ และนำมาปรุงให้เห็นสดๆ มีจุดเด่นเน้นรสชาติอาหารแบบใต้แท้ ตอบสนองคนกรุงเทพฯ หรือพื้นที่อื่นที่เดินทางไปเที่ยวแล้วต้องการรับประทานอาหารรสชาติใต้แท้ สำหรับพื้นที่อาหารตามสั่ง และยังมีพื้นที่อาหารบุฟเฟ่ต์ สำหรับเจาะกลุ่มเป้าหมายทัวร์ที่จะนำนักท่องเที่ยวมาลง โดยเฉพาะทัวร์จีน

สุชาติ กล่าวว่า 45 ปีข้างหน้า จ.ภูเก็ต พังงา รวมถึงจังหวัดอื่นชายฝั่งทะเลอันดามันยังโตได้ต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการต้องพัฒนาบริการรองรับการแข่งขันที่จะสูงขึ้นหลังเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งเริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติ เช่น สิงคโปร์ เข้ามาซื้อกิจการโรงแรมไทยอย่างต่อเนื่อง หากเจ้าของโรงแรมไทยยังนิ่งเฉย ไม่ปรับปรุงก็เหมือนถอยหลังลงคลอง ส่วนรัฐบาลต้องปราบปรามกลุ่มมาเฟียที่หากินกับนักท่องเที่ยวให้ราบคาบ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดการเรื่องแท็กซี่มาเฟียที่ภูเก็ต ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะปัญหานี้นักท่องเที่ยวร้องเรียนมานานแต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขจริงจัง

“ความปลอดภัย คือปัจจัยสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว หากทำให้ภูเก็ตปลอดภัยขึ้น ขจัดปัญหามาเฟียได้ จะทำให้การท่องเที่ยวภูเก็ตมีแนวโน้มดีขึ้นอีก ขณะเดียวกันหากภาครัฐเร่งขยายท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตให้เสร็จโดยเร็ว จะเป็นผลดีทั้งภูเก็ต กระบี่ และพังงา ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้มากขึ้น” สุชาติ กล่าว

การพัฒนาบริการให้ดีเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องทำ แต่อีกสิ่งที่ควรทำควบคู่ไปด้วย คือ ช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้คงสภาพเดิมที่สุดเพี่อผลดีต่อการท่องเที่ยวระยะยาว