โยนออกใบรง.4โรงไฟฟ้าให้เรกูเลเตอร์ชี้ขาด
กรมโรงงานโยนเรื่องการพิจารณาออกใบรง.4ในกิจการโรงไฟฟ้าให้เรกูเลเตอร์เป็นคนพิจารณา เผยล่าสุดมีเรื่องค้างอยู่ 92 เรื่อง รวม 775 เมกะวัตต์
กรมโรงงานโยนเรื่องการพิจารณาออกใบรง.4ในกิจการโรงไฟฟ้าให้เรกูเลเตอร์เป็นคนพิจารณา เผยล่าสุดมีเรื่องค้างอยู่ 92 เรื่อง รวม 775 เมกะวัตต์
นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรอ.เตรียมหารือกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เรื่องการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงไฟฟ้าทั้งหมด เนื่องจากเป็นหน้าที่ของเรกูเลเตอร์ ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการในกิจการด้านไฟฟ้าและพลังงานค้างรอการพิจารณาอยู่ 92 เรื่อง รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 775 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ แบ่งออกเป็นกิจการพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าร์ ฟาร์ม) 29 เรื่อง กำลังผลิต 166 เมกะวัตต์ กิจการด้านพลังงานลม 46 เรื่อง กำลังผลิต 159 เมกะวัตต์ ก๊าซธรรมชาติ 2 เรื่อง กำลังผลิต 226 เมกะวัตต์ ชีวมวล 11 เรื่อง กำลังผลิต 208 เมกะวัตต์ และชีวภาพ 4 เรื่อง กำลังผลิต 16 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีกิจการอีกบางประเภทที่มีปัญหาในการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการล่าช้า ได้แก่ กิจการโรงแปรรูปไม้ เนื่องจากมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าไม้ เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งกิจการโรงงานน้ำตาลทราย เพราะเป็นนโยบายที่มีการกำหนดเรื่องพื้นที่ตั้งโรงงานว่าจะต้องมีระยะห่างไม่เกิน 80 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายต้องนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบ (คสช.) เพื่อขอให้พิจารณาปลดล็อกดังกล่าวออก
ขณะเดียวกัน ได้เชิญหัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เพื่อมาทำความเข้าใจและชี้แจงถึงขั้นตอนการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบการกิจการโรงงานรูปแบบใหม่ เพื่อให้การพิจารณาออกใบรง.4 แล้วเสร็จภายใน 30 วัน จากเดิมที่ต้องใช้เวลานานถึง 90 วัน
นายณัฐพล กล่าวว่า หากโรงงานใหม่ที่ยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการเข้ามา มีขนาดไม่เกิน 500 แรงม้า อุตสาหกรรมจังหวัดสามารถดำเนินการออกใบอนุญาตพร้อมกำหนดเงื่อนไขได้เลยทันที ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการพิจารณาออกใบรง.4 ทำได้ภายใน 15 วัน แต่หากมีขนาดเกิน 500 แรงม้า จะต้องนำเรื่องส่งให้เข้ามายังกรมโรงงาน เพื่อพิจารณา ซึ่งก็จะใช้เวลาไม่เกิน 30 วันทำการเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีผู้ที่สนใจสมัครเข้ามาทำการทดสอบเพื่อเป็นผู้ตรวจสอบเอกสาร (เธิร์ด ปาร์ตี้) ให้แก่ผู้ประกอบการแล้วทั้งหมด 30 ราย แต่เบื้องต้นยังไม่มีผู้ใดสอบผ่านมาตรฐานดังกล่าว และหากมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทำงานและขั้นตอนการออกใบอนุญาตใบรง.4 สามารถโทรเข้ามาแจ้งได้ที่สายด่วน 1564
ขณะที่ยอดขอตั้งกิจการใหม่ในเดือนมิ.ย.2557 อยู่ที่ 418 โรง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.23% โดยยอดขอตั้งกิจการใหม่ในเดือนมิ.ย.นี้ มีจำนวนสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 เดือนแรกของปีนี้ถึง 3.2% โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.47% ที่มีมูลค่าเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกิจการกลุ่มยานพาหนะและชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์โลหะ ผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ เครื่องดื่ม ปิโตรเลียม และพลาสติก ยอดขยายกิจการในเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 102 โรง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 82% เงินลงทุนรวม 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 46% ที่มีมูลค่าเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดขอตั้งกิจการใหม่ในช่วง 6 เดือนปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2557) อยู่ที่ 1,996 โรง ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 7.64% มูลค่าเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 1.72 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.79 แสนล้านบาท ยอดเลิกกิจการอยู่ที่ 602 โรง ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 15%
“สาเหตุที่ยอดขอตั้งกิจการใหม่ในช่วง 6 เดือนนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะว่ายอดขอตั้งกิจการใหม่ในช่วงต้นปีติดลบ เนื่องจากเจอปัญหาทางการเมือง แต่พอ คสช.เข้าบริหารในเดือนพ.ค.ทำให้เดือนมิ.ย.เดือนเดียวมียอดขอตั้งกิจการใหม่พุ่งสูงขึ้นถึง 6 หมื่นล้านบาท” นายณัฐพล กล่าว


