posttoday

สหพัฒน์บุกอาเซียนทุ่ม 2,000 ล้านผุดโรงงาน

27 มิถุนายน 2557

นับเวลาไม่ถึง 6 เดือน การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับยุทธศาสตร์ของเครือสหพัฒน์

นับเวลาไม่ถึง 6 เดือน การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับยุทธศาสตร์ของเครือสหพัฒน์ ที่ประกาศแผนขยายอาณาจักรสู่วิชั่นใหม่สร้างการเติบโตในอาเซียนและประเทศด้อยพัฒนา ทั้งการร่วมทุน สร้างโรงงาน เปิดธุรกิจใหม่ๆ ตามนโยบายของ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ที่สั่งการให้กว่า 300 บริษัทในเครือเร่งการค้าการขายเปิดตลาดต่างประเทศในเชิงรุก

บุณยสิทธิ์ เปิดเผยว่า นโยบายเครือสหพัฒน์จะมุ่งเปิดตลาดอาเซียน รวมทั้งลงทุนธุรกิจในประเทศด้อยพัฒนา อาทิ บังกลาเทศ อินเดีย เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ เปิดรับสินค้าได้ง่าย ซึ่งเป็นโอกาสของเครือสหพัฒน์ที่มีศักยภาพ โดยแผน 2 ปี (2557-2558) เตรียมลงทุน 2,000 ล้านบาท ทั้งในประเทศและต่างประเทศแบ่งเป็น 600 ล้านบาท ลงทุนตลาดอาเซียนและประเทศด้อยพัฒนา และ 1,400 ล้านบาท สำหรับลงทุนในไทย

ทั้งนี้ ในอาเซียนจะเร่งการลงทุน 4 ประเทศหลัก ได้แก่ พม่า กัมพูชา เวียดนาม และลาว ซึ่งล่าสุดได้ทุ่มงบ 500600 ล้านบาท ร่วมทุนกับพม่า ญี่ปุ่น โดยสหพัฒน์ถือหุ้น 30% สร้างโรงงานผงซักฟอกที่เมืองย่างกุ้งบนพื้นที่ 20 ไร่ คาดว่าจะเริ่มผลิตต้นปี 2558 ส่วนเวียดนามกำลังศึกษานำสินค้าเข้าไปเปิดตลาด และในลาวได้จัดตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นจาก 4 ราย เป็น 5 ราย

ด้านแผนลงทุนประเทศด้อยพัฒนาได้ร่วมทุนสร้างโรงงานผงซักฟอกและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่บังกลาเทศ ซึ่งลงทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่นเครือสหพัฒน์และญี่ปุ่น เพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในอินเดียอีกต่อหนึ่ง รวมทั้งเตรียมลงทุนสร้างโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในฮังการีเพื่อเปิดตลาดในยุโรป จากก่อนหน้านี้ได้นำกลุ่มเสื้อผ้าและเครื่องสำอางแบรนด์บีเอสซี โดย บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล เข้าไปเปิดช็อปที่ชองป์เอลิเซ ประเทศฝรั่งเศส เพื่อสร้างภาพลักษณ์สินค้าสู่โกลบอลแบรนด์และเปิดตลาดยุโรปและอาเซียน

“เปิดเออีซีปีหน้าเวทีการค้าขายจะเปิดกว้างและใหญ่มากขึ้น การค้าชายแดนจะเติบโต เรามองว่าเป็นโอกาสของเครือสหพัฒน์ เพราะเมืองไทยมีความพร้อมและสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการตลาดอาเซียนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะมาเลเซียที่เราเหนือชั้นกว่าแต่อยู่ในระดับเดียวกับอินโดนีเซีย ไทยจะตามหลังเพียงสิงคโปร์เท่านั้น” บุณยสิทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เครือสหพัฒน์ได้ชะลอแผนการตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพม่า เพราะประเมินแล้วไม่คุ้มค่าหลังจากราคาที่ดินสูงมากจึงปรับแผนรุกขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในพม่าแทน โดยให้บริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติคส์ เข้าร่วมทุนกับกับเอ็มเค กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์รายใหญ่ในพม่าแทนโดย วิเชียร กันตถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติคส์ กล่าวว่า บริษัทเข้าร่วมทุนกับเอ็มเค กรุ๊ป จัดตั้งบริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติคส์ (พม่า) ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าในพม่า โดยสหพัฒน์ถือหุ้น 50% ตั้งเป้ารองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยภายใน 3 ปี จะสร้างระบบกระจายสินค้าและวางเป้าหมายสร้างไทเกอร์ให้เป็นเหมือนดีเอชแอล พร้อมปัจจุบันในพม่ามีผู้ประกอบการด้านธุรกิจขนส่ง เข้าไปจดทะเบียนการค้าแล้ว 39 บริษัท ซึ่งไทเกอร์ตั้งเป้า 3 ปี จะมีรายได้มากกว่า 10 ล้านบาท ส่วนรายได้บริษัทสิ้นปีโตร 2030% จากปีที่ผ่านมารายได้ 360 ล้านบาท

นอกจากนี้ บุณยสิทธิ์ กล่าวว่า เครือสหพัฒน์ยังได้ให้นโยบายบริษัทในเครือกว่า 300 บริษัท เร่งเปิดการค้าในตลาดอาเซียน หรือตามชายแดนที่กำลังขยายตัวอย่างมาก เช่นเดียว อภิชาติ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ กล่าวว่า กำลังมองหาโอกาสขยายธุรกิจขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน นำร่องในประเทศลาว และจะขยายโมเดลนี้ไปยังประเทศอื่นต่อไป

ด้าน บุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน กล่าวว่า ภายใน 35 ปีจากนี้ บริษัทจะผลักดันรายได้จากเออีซีให้ได้ 30% ของรายได้ทั้งหมดจากขณะนี้อยู่ที่ 10% โดยเข้าทำตลาดไปในกลุ่มประเทศเออีซีเกือบหมดแล้ว ยกเว้นอินโดนีเซีย และล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในพม่าเพื่อร่วมทุนสร้างโรงงานผงซักฟอกส่วนรายได้สิ้นปีโต 56% หรือ 1.4 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายคาดว่าโต 10%

บุณยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทใส่เกียร์เดินหน้าลงทุนธุรกิจอย่างเต็มที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการกว่า 10 ราย ก่อนหน้านี้ร่วมทุนกับบริษัท มารูซัน จากญี่ปุ่น เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มนมถั่วเหลือง ใช้งบลงทุน 200 ล้านบาท สร้างโรงงานที่สวนอุตสาหกรรมศรีราชา รวมทั้งเปิดโรงเรียนการบิน เป็นต้น

ตั้งหลักสูตร จากปัจจุบันมี 2 โรงเรียน ได้แก่ วาเซดะ เป็นต้น

พร้อมกันนี้จากอาณาจักรเครือสหพัฒน์กว่าแสนล้านบาทที่มีทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง จึงต้องเร่งสร้างช่องทางจำหน่ายที่เป็นของตัวเอง เช่น เตรียมซื้อบริษัทอีคอมเมิร์ซในไทยสร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์

ต้องจับตาหมากเกมนี้ของสหพัฒน์กับเป้าหมายมุ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้จากอาเซียนจากไม่ถึง 10% เป็น 40-50% ใน 5-10 ปีข้างหน้านี้ ขณะที่ในประเทศหวังรักษารายได้เท่ากับปีที่ผ่านมา 1.8 แสนล้านบาท

ข่าวล่าสุด

KBANK ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% เงินฝาก 0.05-0.10%