ลุ้นก่อสร้าง 1 ล้านล.แนะรับเหมาปรับตัวรับศึกใหญ่

อุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างที่เผชิญหน้ากับหลากปัจจัยลบมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว กำลังจะเริ่มกลับมาเห็นแสงสว่างอีกครั้ง หลังปัญหาการเมืองคลี่คลายและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศเดินหน้าหลายโครงการของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐที่หยุดชะงักในช่วงที่เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เพื่อหวังให้การลงทุนของรัฐเป็นแรงขับสำคัญในการเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้คนในแวดวงก่อสร้างประเมินว่า ปีหน้าอาจได้เห็นตัวเลขมูลค่าในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างแตะ 1 ล้านล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นงานรัฐ 50% และงานภาคเอกชนอีก 50%

จักรพร อุ่นจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ผู้ประกอบการวงการรับเหมาต่างประเมินว่า ในปี 2557 การลงทุนในอุตสาหกรรมก่อสร้างอาจจะแตะ 1 ล้านล้านบาท แต่จากการที่โครงการต่างๆ ชะลอตั้งแต่ต้นปี เพราะปัญหาการเมืองปีนี้ทั้งปีตัวเลขคงไปไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท แต่อาจจะขยายตัวจากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่ากว่า 9.52 แสนล้านบาทเพียงเล็กน้อย และหวังกันรอบใหม่ว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยจะก้าวสู่ระดับ 1 ล้านล้านบาท ได้ในปี 2558

ขณะที่การกลับมาของภาคก่อสร้างเป็นสิ่งที่ผู้รับเหมาไทยต้องปรับตัว เพราะยังมีหลากหลายปัญหาที่วงการรับเหมายังต้องเร่งแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีความต้องการเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.1-2.2 ล้านคน/เดือน และในบางเดือนที่มีงานจำนวนมากจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็น 2.9 ล้านคน/เดือน โดยความต้องการในภาคก่อสร้างจัดเป็นอันดับ 3 ของตลาดแรงงานทั้งระบบ รองจากภาคการเกษตรที่อันดับ 1 และภาคการผลิตเป็นอันดับ 2

นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องคุณภาพงานก่อสร้างของรับเหมารายย่อยที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ก็ควรเป็นสิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญ เพราะการเข้าสู่ตลาดรับเหมาในไทยไม่ใช่เรื่องยากเลย ปัจจุบันจึงมีบริษัทรับเหมาที่จดทะเบียนในตลาดมากถึง 8.8 หมื่นบริษัท แบ่งเป็นรับเหมารายย่อยมีมากถึง 94.6% ส่วนรายใหญ่มีสัดส่วนเพียง 5.4% ซึ่งในช่วงที่รองานใหม่ๆ กลับเข้าสู่ระบบอีกครั้ง ผู้รับเหมารายย่อยควรปรับตัว ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะระบบก่อสร้างสำเร็จรูปที่ช่วยลดต้นทุน รวมถึงนำระบบบริหารงานใหม่ๆ เข้ามาช่วยเสริม เพราะความต้องการในอนาคตจะเน้นผู้รับเหมาที่มีคุณภาพก่อสร้างมากกว่าราคา

ความคิดเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับ พงศ์พันธ์ ธีระจรุงเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิศวภัทร์ บริษัทรับเหมาขนาดกลางที่กล่าวว่า คุณภาพและเวลาที่เร็วขึ้น ภายใต้ราคาที่เหมาะสมจะกลายเป็นหัวใจสำคัญของวงการก่อสร้างยุคนี้ ทำอย่างไรที่จะร่นระยะเวลาก่อสร้างให้สร้างเสร็จได้เร็วขึ้น ภายใต้คุณภาพที่ยังดีอยู่และราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งเทคโนโลยีก่อสร้างใหม่ๆ มีส่วนช่วยมาก ซึ่งหากผู้รับเหมารายย่อยทำได้จะไม่ต้องแข่งกันเรื่องราคาเลย โดยในส่วนของบริษัทพยายามพัฒนาจนปัจจุบันสามารถลดระยะเวลาก่อสร้างอาคารสูง 30 ชั้น ให้เร็วขึ้น 30-40%

นาตยา ตั้งมิตรประชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดูโฮม ในเครืออุบลวัสดุ กล่าวว่า แม้จะเติบโตจากระบบโชห่วย แต่ดูโฮมก็หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีในการบริหารงาน ด้วยการลงทุนให้กับระบบไอทีภายในองค์กรมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท เพราะมองว่าเทคโนโลยีมีความสำคัญมาก ไม่ใช่เพียงเพื่อความสะดวกในการทำงาน แต่เทคโนโลยียังทำให้การทำงานเป็นระบบที่ทุกคนสามารถเข้ามาสานต่อได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันคนรุ่นใหม่จะเปลี่ยนงานเร็ว ความถี่ในการเข้าออกของพนักงานใหม่ๆ มีสูงมาก หากไม่มีระบบไอทีรองรับอาจทำให้การบริหารงานต่างๆ สะดุดได้

ด้าน วีรชัย ปฐมเนติกุล ผู้บริหารงานบริหารผลิตภัณฑ์ลูกค้าผู้ประกอบการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า รับเหมาในยุคนี้ควรปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดยังมีความผันผวน การเมืองที่ดูเหมือนจะนิ่ง แต่ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลง เพราะหลายโครงการที่คิดว่าอาจจะเกิดขึ้น มีโอกาสที่จะถูกยกเลิก ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะรับเหมารายย่อยที่รับงานก่อสร้างต่อจากรายใหญ่ หากเตรียมลงทุนล่วงหน้าไว้กับโครงการเหล่านั้นแล้ว ยิ่งต้องติดตามข่าวสารให้ดีหากโครงการเหล่านั้นถูกยกเลิกจะปรับตัวอย่างไร

ภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว นั่นหมายถึงสัญญาณที่รับเหมารายย่อยต้องเร่งปรับตัว พร้อมรับมือกับงานที่หลั่งไหลรอบใหม่ โดยคุณภาพและเวลาที่เร็วขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ว่าจ้างยุคใหม่ต้องการ