posttoday

การฟังแบบห้าดาว

12 มิถุนายน 2557

สื่อสารที่มีประสิทธิผล คือเข้าใจตรงกันและความสัมพันธ์ราบรื่น อย่างไรก็ตามการสื่อสารไม่ใช่เรื่องง่าย แค่สื่อสารในภาษาเดียวกัน เรายังเข้าใจกันผิดได้บ่อยๆ เมื่อเป็นการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมยิ่งเป็นเรื่อง ท้าทาย

สื่อสารที่มีประสิทธิผล คือเข้าใจตรงกันและความสัมพันธ์ราบรื่น อย่างไรก็ตามการสื่อสารไม่ใช่เรื่องง่าย แค่สื่อสารในภาษาเดียวกัน เรายังเข้าใจกันผิดได้บ่อยๆ เมื่อเป็นการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมยิ่งเป็นเรื่อง ท้าทาย

เอ็ดเวิร์ด ฮอลล์ เป็นหนึ่งในนักทฤษฎีและผู้เขียนหนังสือด้านวัฒนธรรม ได้แบ่งบริบทของระบบวัฒนธรรมการสื่อสารออกเป็น 2 แบบคือ กลุ่มที่ให้ความสำคัญกับบริบทสูง (High Context Culture) กับกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับบริบทต่ำ (Low Context Culture)

ให้ความสำคัญกับบริบทสูง หมายถึงวัฒนธรรมที่ผู้พูดอาจไม่ได้พูดตรงๆ หรือสิ่งที่พูดอาจไม่ใช่สิ่งที่คิด เพราะผู้สื่อสารคำนึงถึงบริบท กาลเทศะ รักษาหน้าหรือความสัมพันธ์

ประเทศที่ได้รับการจัดให้อยู่ในข่ายวัฒนธรรมแบบดังกล่าว ได้แก่ ละตินอเมริกา ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ไทย และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย เช่น ชาวจีนอาจไม่พูดคำว่า “ไม่” แต่อาจพูดว่า “บางที” หรือ “แล้วค่อยดูกัน” เพื่อเป็นการรักษาหน้า

หรือชาวอินโดนีเซียพูดว่า “มุงกิน” ซึ่งหมายความว่า บางที ซึ่งอาจเป็นวิธีการตอบปฏิเสธอย่างสุภาพก็ได้ หรือชาวฟิลิปปินส์ ไม่ชอบปฏิเสธผู้อื่น การแสดงออกว่าไม่อาจตามด้วยคำพูดว่า “ใช่” หากจะให้แน่ใจว่าเข้าใจความหมายที่แท้จริงคืออะไร เราจำเป็นต้องเป็นผู้ฟังที่ดีและกล้าที่จะถามให้แน่ใจ

ให้ความสำคัญกับบริบทต่ำ เป็นวัฒนธรรมที่มีการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา สามารถสรุปความได้จากคำพูดที่พูดออกมาการแสดงสีหน้า ท่าทางต่างๆ จะแสดงออกอย่างเปิดเผย กลุ่มนี้เชื่อว่าการพูดตรงๆ เป็นสิ่งที่แสดงถึงความจริงใจและไม่นำไปสู่ปัญหาที่มาจากการอ้อมค้อมมากเกินไป กลุ่มวัฒนธรรมนี้จึงเน้นความชัดเจน

ประเทศที่ได้รับการจัดให้อยู่ในข่ายวัฒนธรรมนี้ เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี กลุ่มประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ เป็นต้น

เทคนิคการฟังเพื่อให้ได้ความหมายครบถ้วน จึงรวมถึงการฟังทั้งสิ่งที่ผู้พูดพูดออกมาและไม่ได้พูดออกมา เช่น สังเกตท่าทาง อ่านความรู้สึกและคำนึงถึงบริบทของผู้พูดด้วย เพื่อค้นหาความหมายที่แท้จริง ผู้ที่เรียนการโค้ชมา มักได้รับการฝึกฝนด้านนี้อย่างเข้มข้น เพราะถ้าฟังและคิดเองเออเอง จะทำให้สร้างความเชื่อใจต่อกันได้ช้า และทำให้ถามคำถามที่ถามออกไป ไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาของโค้ชชี่

ดิฉันแบ่งการฟังออกเป็นห้าระดับ หรือห้าดาว คือ ระดับที่หนึ่ง ฟังเพื่อรอสวนกลับ แบบนี้ได้ดาวเดียว เพราะนำไปสู่การเข้าใจผิดได้ง่ายมาก ใครเขาคุยอะไรกัน ตามไม่ทันแล้ว เพราะมัวแต่คิดว่าจะสวนขึ้นมาอย่างไรให้แจ๋วสุด

ระดับที่สอง ฟังเพื่อรอแลกเปลี่ยนเรื่องของฉันบ้าง ระดับที่สาม ฟังเพื่อรอจะชี้แนะให้ทำนั่นทำนี่ ระดับที่สี่ ถือว่าดีเพราะฟังด้วยความสนใจ อยากทราบเพิ่มขึ้นอีก ระดับที่ห้า คือ ฟังจนผู้พูด พูดจบ ไม่ตัดสิน ไม่ชี้นำ แต่มุ่งไปที่การทำความเข้าใจผู้พูด และความคิดของเขาระดับนี้ให้ ห้าดาวเลย

เทคนิคการฟังจนจบ ขอแลกเปลี่ยนดังนี้ค่ะ ข้อแรก ขณะที่ฟังค้นหาอย่างน้อยหนึ่งอย่างที่คุณชื่นชมผู้พูด จะทำให้คุณเปิดรับความคิดเห็นของเขามากขึ้น ข้อสอง ถ้าผู้พูดบอกหัวข้อหรือประเด็นที่จะพูดตั้งแต่ต้น สามารถจดไว้ได้ เพราะข้อมูลนี้จะเป็นหัวข้อที่ช่วยคุณในการสรุปประเด็นสำคัญได้อย่างดี เมื่อเขาพูดจบ ข้อสาม กล้าที่จะถาม เช่น การถามเพื่อขอข้อมูลเพิ่ม หรือถามทวนเพื่อยืนยันความเข้าใจ

อย่าลืมว่า การสื่อสารไม่ใช่มีการพูดเท่านั้นแต่มีการฟังด้วยนะคะ

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"