นายทุนเงินกู้นอกระบบ

ทนายคลายทุกข์12มิ.ย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีโครงการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 7 โครงการ ซึ่ง 1 ใน 7 โครงการเร่งด่วนของ คสช. คือ มาตรการช่วยเหลือ ลูกหนี้นอกระบบอยู่ในลำดับที่ 6 ทนายคลายทุกข์จึงขอนำเสนอเกี่ยวกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ การทวงหนี้นอกระบบ เล่ห์เหลี่ยมกลโกงของนายทุนเงินกู้นอกระบบ การแก้ปัญหาหรือตอบโต้นายทุนเงินกู้นอกระบบ โดยขอนำเสนอเป็นรายประเด็นดังนี้

1.นายทุนเงินกู้นอกระบบ หมายถึง ผู้ที่จัดหามาซึ่งเงินทุนแล้วให้ผู้อื่นกู้เงิน โดยมิได้ขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยหรือทางราชการ ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ข้อ 5 (7) นายทุนเงินกู้นอกระบบส่วนใหญ่เป็นเจ้าของลิสซิ่ง รับจำนำเล่มทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป็นเจ้าของบ่อนการพนัน ให้กู้รายวันตามตลาดนัดหรือตามโรงงานอุตสาหกรรม ตามรัฐวิสาหกิจ หรือส่วนราชการ เช่น ที่ตำรวจเพิ่งจับกุมที่ จ.พิษณุโลก เป็นต้น

2.ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ หมายถึง บุคคลที่เดือดร้อนทางการเงินแล้วไปขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินในระบบไม่ได้ จึงต้องหันมาใช้บริการนอกระบบ ซึ่งอาจเป็น ลูกหนี้ประเภทที่เคยใช้ในระบบอยู่แล้ว แต่ผิดนัดชำระหนี้มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี จึงไม่สามารถขอสินเชื่อได้เพิ่มเติม รวมทั้งพวกที่ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้กู้ เช่น ไม่มีหลักประกันคุ้มหนี้ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีรายได้ที่แน่นอนหรือมีรายได้แต่ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีรายการเดินบัญชี รายได้น้อย เป็นต้น

3.เล่ห์เหลี่ยมกลโกงของนายทุนเงินกู้นอกระบบ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยและเคยเป็นคดีร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนหรือขึ้นศาลแล้ว หรือเป็นข่าว มีดังต่อไปนี้

- แบบโหดสุด ให้ลูกหนี้ผู้หญิงแก้ผ้าแล้วถ่ายรูปไว้ในขณะมาขอกู้เงิน หากผิดนัดชำระหนี้จะนำรูปภาพเปลือยของลูกหนี้ประจาน เพื่อป้องกันมาเบี้ยวหนี้

- ให้ลูกหนี้ลงลายมือชื่อไว้ในสัญญากู้เพียงอย่างเดียว โดยไม่ให้กรอกข้อความ หลังจากนั้นนำสัญญากู้ว่างเปล่าที่มีลายมือของผู้กู้ไปกรอกข้อความตามอำเภอใจ โดยกรอกจำนวนเงินที่สูงกว่าที่กู้จริง หลังจากนั้นนำไปฟ้องร้องต่อศาล เป็นคดีแพ่งเพื่อบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ตามที่ตัวเองกรอกจำนวนเงินลงไป การกระทำดังกล่าวเป็นการปลอมเอกสารที่ผ่านมาศาลฎีกาเคยยกฟ้องโดยถือว่าเป็นสัญญาปลอม ผู้กู้ไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้เลยแม้แต่บาทเดียว (อ้างอิง ฎ.1532/2526 ฎ.2518/2547 ฎ.7541/2548)

- ให้ผู้กู้กรอกจำนวนเงินตามที่กู้จริงในสัญญากู้ยืมเงิน หลังจากนั้นเมื่อผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา จึงแก้ไขจำนวนเงินในสัญญาให้สูงขึ้น โดยผู้กู้ไม่ให้ความยินยอม เช่น กู้เงินกัน 50,000 บาท ไปแก้เป็น 150,000 บาท เป็นต้น คดีแบบนี้ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่าเอกสารสัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้ปลอม แต่ลูกหนี้ผู้กู้ต้องรับผิดตามที่กู้จริง หมายถึง จำนวนเงินเดิมก่อนแก้ไข (อ้างอิง ฎ.407/2542 ฎ.1149/2522)

- กู้ยืมเงินกันเพียงครั้งเดียวแต่ผู้ให้กู้จัดทำสัญญากู้ยืมเงินขึ้นหลายฉบับ ทำไว้เพื่อข่มขู่ ไม่ให้ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ถ้าลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ก็จะนำสัญญากู้ฉบับที่มีจำนวนเงินสูงมาก สูงกว่าที่เป็นจริงไปฟ้องศาลเป็นคดีแพ่ง คดีประเภทนี้ ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาว่าเป็นการได้ประโยชน์จากผู้กู้มากเกินควร ถือว่าสัญญากู้มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งตามกฎหมายเป็นโมฆะเสียเปล่า แต่ลูกหนี้ต้องรับผิดเฉพาะเงินที่กู้ไปจริงเท่านั้น (อ้างอิง ฎ.730/2508)

- ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วแต่ไม่ออกใบเสร็จรับเงินให้ และยังไปว่าจ้างทนายความฟ้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้เต็มตามสัญญากู้ยืมเงิน ต่อมาลูกหนี้พิสูจน์ได้ว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีเจ้าหนี้ครบถ้วนแล้ว จึงฟ้องกลับเจ้าหนี้ในความผิดฐานเบิกความเท็จในคดีแพ่งตาม ป.อ.มาตรา 177 วรรคแรก ศาลสั่งจำคุกมาแล้วหลายคดี

- ให้กู้ยืมเงินแต่ให้ลูกหนี้นำโฉนดที่ดินมายึดหน่วง ไว้ ทำใบมอบอำนาจโอนที่ดินหรือที่เรียกว่า โอนลอยไว้

หลังจากนั้นนำใบมอบอำนาจโอนลอย โอนที่ดินมาเป็นของเจ้าหนี้ โดยร่วมมือกับเจ้าพนักงานที่ดิน ทำให้ลูกหนี้เสียเปรียบ เนื่องจากที่ดินมีมูลค่าท่วมหนี้จำนวนมาก และขณะนำที่ดินไปตีใช้หนี้ไม่ได้กำหนดราคาตามท้องตลาด กรณีดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืน ป.พ.พ.มาตรา 656 วรรคสอง ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ถ้าจะนำทรัพย์หรือสิ่งของอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนบ้านที่กู้ คิดเป็นเงินจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดในเวลาและสถานที่ส่งมอบทรัพย์ หากตกลงเป็นอย่างอื่นที่ขัดกับที่กฎหมายกำหนด ถือว่าเป็นโมฆะ เจ้าหนี้สามารถฟ้องศาล ให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้ เพื่อให้ทรัพย์สินที่ดินดังกล่าวกลับมาเป็นของลูกหนี้ดังเดิมได้

- ให้กู้ยืมเงินแต่ไม่ทำสัญญากู้ยืมเงิน ทำเป็นสัญญาขายฝากแทน มีลักษณะเป็นนิติกรรมอำพราง ทำให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของลูกหนี้ ตกเป็นของผู้ให้กู้ในวันทำสัญญาขายฝากทันที และเมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนไม่มีเงินไปไถ่ถอน ทำให้หมดสิทธิไถ่ ทางแก้ของลูกหนี้ ต้องไปฟ้องศาลเป็นคดีแพ่ง เรื่องนิติกรรมอำพรางแทน ซึ่งในทางปฏิบัติค่อนข้างยุ่งยากนำสืบยาก แต่ก็พอจะมีหนทางแก้ปัญหาอยู่

4.การทวงหนี้นอกระบบ ไม่ใช้บริการศาลยุติธรรม ไม่ต้องใช้ทนายความหรือผู้รู้ทางกฎหมาย ใช้นักเลง พวกขี้ยา

อันธพาล ดำเนินการแทนไม่จำเป็นต้องมีสัญญากู้ยืมเงิน เนื่องจากบุคคลเหล่านี้มักมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องถิ่น คอยรู้เห็นเป็นใจ จึงทำให้พวกนี้ยังคงอยู่ได้ในสังคมอย่างลอยนวล

5.มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ผมในฐานะเป็นคนทวงหนี้มาก่อน แต่ไม่เคยใช้วิธีการเถื่อนๆ ในการทวงหนี้

ปัจจุบันเป็นวิทยากรให้ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำหน้าที่ฝึกและพัฒนาคนทวงหนี้ขอให้คำแนะนำ คสช.ว่า ควรจะออกกฎหมายควบคุมนายทุนเงินกู้นอกระบบ การทวงหนี้นอกระบบ การคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด กำหนดบทลงโทษให้รุนแรง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รู้เห็นเป็นใจหรือร่วมมือ ให้ท้ายนายทุนเงินกู้นอกระบบ ควรได้รับโทษ 3 เท่า ของโทษที่กฎหมายกำหนดเหมือนคดียาเสพติด นอกจากนี้กรมสรรพากรควรตรวจสอบภาษีย้อนหลังพวกนายทุนเงินกู้นอกระบบ ยึดอายัดทรัพย์สินคนเหล่านี้ให้หมด เพื่อตัดรากถอนโคนนายทุนเงินกู้นอกระบบนะครับ

สุดท้ายนี้ หวังว่านายทุนเงินกู้นอกระบบ ควรจะลดความเอาเปรียบสังคมลงบ้าง และลูกหนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรกู้นอกระบบนะครับ