นวกิจเล็งโตทางลัดเข้าเทกโอเวอร์เจ้าอื่น
นวกิจฯ จ้องเทกโอเวอร์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กขยายฐานลูกค้า เพิ่มขนาดเงินกองทุนรับเปิดเสรี
นวกิจฯ จ้องเทกโอเวอร์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กขยายฐานลูกค้า เพิ่มขนาดเงินกองทุนรับเปิดเสรี
นายปิติพงศ์ พิศาลบุตร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นวกิจประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมปรับกลยุทธ์ทางการแข่งขันเพื่อรองรับการเปิดเสรีธุรกิจในอนาคต โดยการหาช่องทางการตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ สังคม และความต้องการของลูกค้าให้สามารถตอบรับกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ จะดำเนินการควบรวมกิจการกับบริษัทประกันภัยขนาดกลางและขนาดเล็กของคนไทย เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มขนาดเงินกองทุนให้สามารถรับการเสี่ยงภัยได้มากขึ้น และบริหารค่าใช้จ่ายการดำเนินงานโดยใช้ทรัพยากรร่วมกันเพื่อให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำและสามารถแข่งขันได้
“เรามองหาและพูดคุยอย่างต่อเนื่องว่า มีบริษัทไหนที่อยากจะควบรวมกิจการกับเราไหม แต่ตอนนี้ยังไม่มี เพราะบริษัทอื่นเขามองว่า เขามีความสามารถจะทำธุรกิจที่เป็นเอกภาพเองได้ และอีกกลุ่มหนึ่งก็เริ่มจะฟื้นตัวจากผลกระทบน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ทำให้ขาดทุนและกำไรลดลงมาก จึงต้องการให้บริษัทของเขามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นมาหน่อย” นายปิติพงศ์ กล่าว
นายปิติพงศ์ กล่าวว่า บริษัทที่สนใจจะควบรวมหรือเทกโอเวอร์จะต้องมีผลประกอบการดี มีระบบการบริหารที่ดี และมีกลุ่มลูกค้าที่ดี โดยไม่เลือกว่าจะมีลูกค้าประเภทรถยนต์ หรือประเภทไม่ใช่รถยนต์ (นันมอเตอร์) และฐานลูกค้าอยู่ที่ไหน เพื่อเพิ่มขนาดของธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น ลดต้นทุน และมีศักยภาพแข่งขันในยุคเปิดเสรีธุรกิจประกันภัยที่จะมาถึง
สำหรับ ปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทนวกิจประกันภัย มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,532 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2555 ที่มีเบี้ยรับรวม 2,560 ล้านบาท กำไรสุทธิ 247.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 37.81 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเปิดเสรีธุรกิจประกันภัยจะมีความเสี่ยงตามมา คือ ทำให้ธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยแข่งขันรุนแรงมากขึ้น จากการที่บริษัทประกันภัยต่างประเทศซึ่งมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีเทคโนโลยีทันสมัย และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาร่วมทุนกับบริษัทประกันภัยของคนไทยมากขึ้น และบริษัทประกันภัยต่างประเทศ มีความสามารถในการรับประกันภัยได้สูงขึ้น ตลอดจนมีอำนาจในการแข่งขัน ทั้งด้านราคา เชิงกลยุทธ์ และคุณภาพในการให้บริการ ส่งผลให้บริษัทประกันภัยขนาดกลางและขนาดเล็กของไทยต้องอยู่ในภาวะแข่งขันรุนแรง