posttoday

เกษตรอินทรีย์

07 มีนาคม 2557

เกษตรอินทรีย์ คืออีกหนึ่ง “ทางเลือกที่มีอนาคต” สำหรับผู้ประกอบการไทย

เกษตรอินทรีย์ คืออีกหนึ่ง “ทางเลือกที่มีอนาคต” สำหรับผู้ประกอบการไทย

ผมมีโอกาสไปดูงานเรื่อง “เกษตรอินทรีย์” ที่เมืองนูเรมเบอร์ก ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ชื่องาน “BIOFACH 2014” ที่จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 1217 ก.พ.ที่ผ่านมานี้

งานนี้เป็นงานแสดงสินค้าประเภท “พืชผลทางเกษตรอินทรีย์” และอาหารอินทรีย์ (Organic Food) และเครื่องสำอาง (Natural Cosmetic) ที่มีผู้แสดงสินค้าหรือผู้ประกอบการมากกว่า 2,000 ราย นำสินค้ามาจัดโชว์เพื่อแนะนำและจำหน่ายแก่ผู้ซื้อ รวมทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ปศุสัตว์ สหกรณ์ โรงแรม เป็นต้น

งานนี้ยังจัดร่วมกับงานแสดงสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยมีองค์กร VIVANESS ร่วมด้วย

ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้นได้นำผู้ประกอบการ 4 ราย ที่ปรับปรุงจนได้มาตรฐานด้านอินทรีย์แล้ว ได้แก่ 1.บริษัท ซี เค อินดัสทรี (2000) ผู้ผลิตและจำหน่ายชาใบหม่อนผสมสมุนไพรและดอกไม้นานาพันธุ์ ภายใต้แบรนด์กาญจนา โรงงานตั้งอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี โดยเป็นการรวมกลุ่มแม่บ้านและเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ที่มีกระบวนการผลิตตั้งแต่การเพาะปลูกด้วยมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ จนได้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Organic Agriculture Movements – IFOAM) และมาตรฐาน EU Organic รวมถึงมาตรฐาน GMP HACCP และ Halal

2.บริษัท ชิตา ออร์แกนิค ฟู้ด จ.ลำพูน ประกอบธุรกิจด้านการแปรรูปอาหารอินทรีย์ประเภทเครื่องปรุงรส อาทิ เครื่องแกง ซอสพริก ซอสปรุงรส น้ำจิ้มไก่ เป็นต้น และมีไร่ชิตาเป็นแหล่งผลิตพืชอินทรีย์ ตลอดจนมีเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกพืชอินทรีย์เพื่อป้อนให้แก่บริษัท ซึ่งเริ่มธุรกิจจากด้านการแปรรูปผลผลิตทางเกษตรในพื้นที่ทางภาคเหนือ เช่น พริก กระเทียม หอมแดง เพื่อเป็นวัตถุดิบเบื้องต้นส่งป้อนให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ

ต่อมาจึงได้เริ่มต้นศึกษาและเรียนรู้เพื่อหาแนวทางการพัฒนาโครงการนวัตกรรม เพื่อพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และได้นำเสนอโครงการทำให้ได้ซอสพริกอินทรีย์ที่มีไลโคพีนสูงเหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพ เพราะส่วนผสมที่ใช้ผลิต ตลอดจนกระบวนการผลิตได้รับการรับรองตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล

3.ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิราพร ฟู๊ด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกล้วยตากโดยใช้วิธีการผลิตแบบเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบกรีนเฮาส์ (พาราโบลาร์โดม) เน้นคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความสะอาด ที่เริ่มจากการรับซื้อมาขายต่อ หลังจากนั้นได้มีการพัฒนาจนมีสวนกล้วยและแผงตากของตนเอง จึงได้ขยายกิจการและพัฒนาธุรกิจในการผลิตกล้วยตากแปรรูปนี้ให้ก้าวหน้าและทันสมัย

โดยมีทีมงานวิจัยที่คลุกคลีอยู่กับผลิตภัณฑ์กล้วยตาก บวกกับแนวคิดสมัยใหม่ที่ต้องการนำผลิตภัณฑ์กล้วยตากแปรรูปนี้ให้สามารถขนส่ง และแจกจ่ายไปยังจุดจำหน่ายสินค้าต่างๆ จึงมีการพัฒนาธุรกิจพร้อมกับสร้างรูปลักษณ์ของแบรนด์จากสินค้าระดับตำบลสู่ระดับประเทศและส่งออกต่างประเทศ

4.บริษัท ใบชาโชคจำเริญ ตั้งอยู่บนดอยแม่สลอง จ.เชียงราย บริษัทแห่งนี้ที่ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอนของการผลิตชาอู่หลง ตั้งแต่การเลือกสถานที่เพาะปลูกและใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการดูแลต้นชา และเก็บชาด้วยแรงงานคน ทำให้ใบชาอู่หลงที่ผลิตออกมานั้นเป็นชาอู่หลงอินทรีย์คุณภาพเยี่ยม ภายใต้แบรนด์ชื่อ “ชาไทยมรกต”

สำหรับสินค้าใบชาของบริษัท ใบชาโชคจำเริญ นั้น ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหลายหน่วยงาน เช่น มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ USDA GMP สินค้าโอท็อปห้าดาว และมาตรฐานสินค้าฮาลาล นอกจากนี้ยังได้รับมาตรฐานเชลล์ชวนชิม ประเภทใบชาเพียงบริษัทเดียวและเป็นบริษัทแรกในประเทศไทย

สินค้าประเภทตัวอย่างข้างต้นนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ในการลงทุน ปรับปรุงกิจการให้เป็น “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์” ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป

แต่ความสำเร็จในวันนี้รวมถึงยอดขายและรายได้ที่น่าภาคภูมิใจ คือ สิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่า “การเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์” คุ้มค่าจริงๆ ครับผม!

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"