ฟาร์ม บิลล์
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก เปิดเผยถึงการบังคับใช้กฎหมายฟาร์ม บิลล์ (Farm Bill) ฉบับใหม่ของสหรัฐ ซึ่งกฎหมายนี้ให้ความสำคัญต่อสินค้าเกษตรกรรมของสหรัฐ
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก เปิดเผยถึงการบังคับใช้กฎหมายฟาร์ม บิลล์ (Farm Bill) ฉบับใหม่ของสหรัฐ ซึ่งกฎหมายนี้ให้ความสำคัญต่อสินค้าเกษตรกรรมของสหรัฐ
สมจินต์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการอาวุโส เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีข้อกังวลถึงผลที่จะเกิดขึ้น แต่จะเฝ้าติดตามเป็นระยะว่าจะมีผลต่อการทำตลาดสินค้าปศุสัตว์ของไทยที่ส่งออกไปสหรัฐหรือไม่ ซึ่งสินค้าที่คาดว่าจะมีความอ่อนไหวต่อกฎหมายฉบับนี้ เช่น ปลาดุก ปลานิล และกุ้ง เป็นต้น
ที่ยังไม่กังวลมากในเรื่องสินค้าปลาดุก เพราะประเทศไทยส่งออกปลาดุกมาสหรัฐเป็นจำนวนน้อย หากเปรียบเทียบกับเวียดนามที่ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่มากกว่า 75% ส่วนในกรณีที่จะขยายการตรวจสอบปลาชนิดอื่น เช่น ปลานิล ซึ่งไทยส่งออกมาสหรัฐเป็นอันดับรองจากจีนและอินโดนีเซีย หากมีการตรวจสอบเข้มข้นสองประเทศนี้จะต้องเคลื่อนไหวและถูกดำเนินการก่อน
ส่วนกรณีความกังวลใจเรื่องการตรวจสอบกุ้งแช่แข็งอันเป็นผลจากกฎหมายฟาร์ม บิลล์นั้นยังไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะปัญหาขณะนี้คือไม่มีสินค้าส่งมาสหรัฐเพียงพอ เนื่องจากปัญหาโรคตายด่วนของกุ้ง ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องรีบแก้ไขเป็นอันดับแรก
สำหรับกฎหมายฉบับนี้มีอายุจนถึงปี 2561 โดยภาพรวมอาจจะมีผลต่อสินค้าปศุสัตว์ไทย โดยมีโปรแกรมการให้ความช่วยเหลือ/สนับสนุนด้านการเงิน การวิจัยพัฒนาพืชผลทางการเกษตร/ปศุสัตว์ การส่งเสริมด้านโภชนาการ ความปลอดภัยของอาหาร การประกันพืชผลที่เกิดจากความเสียหายจากภัยธรรมชาติ การให้สินเชื่อการส่งเสริมด้านการค้า ฯลฯ
แต่มีข้อสังเกตว่า หากในอนาคตมีการขยายการตรวจสอบสายพันธุ์ อาจจะมีสกุลปลานิล กุ้ง/ปู ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐ โดยเฉพาะกุ้งที่ไทยส่งออกจำนวนมาก ซึ่งในปี 2555 มีมูลค่าสูง 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่คู่แข่งอย่างเอกวาดอร์ เม็กซิโก อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย จีน และบังกลาเทศ ต่างก็จะต้องถูกตรวจสอบด้วยเช่นกัน


