เอสเอ็มอีเดี้ยงชาวนาไร้เงิน
ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจผลกระทบสมาชิก ส.อ.ท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พบว่าในแต่ละจังหวัดเจอปัญหาเดียวกันคือ การบริโภคของประชาชนในพื้นที่ลดลงมากจนทำให้ยอดขายหลายรายลดลง 40-50%
ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจผลกระทบสมาชิก ส.อ.ท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พบว่าในแต่ละจังหวัดเจอปัญหาเดียวกันคือ การบริโภคของประชาชนในพื้นที่ลดลงมากจนทำให้ยอดขายหลายรายลดลง 40-50%
ธุรกิจร้านอาหารมีลูกค้าต่ำกว่าปกติ ร้านขายรถจักรยานยนต์มีปัญหาเก็บเงินไม่ได้ สต๊อกรถเริ่มบวม ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีที่เกี่ยวกับการขายสินค้า เช่น ของฝาก ของที่ระลึก ลดต่ำลงอย่างมาก
ธนิต ระบุว่า สาเหตุหลักของการลดลงมาจากการที่ชาวนายังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว การท่องเที่ยวที่ลดต่ำลง งบลงทุนจากภาครัฐชะงักงัน
ด้านภาคการก่อสร้างก็เริ่มชะลอตัวลงทั้งการก่อสร้างของภาคเอกชน คอนโดมิเนียม ซึ่งที่ผ่านมาเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพราะงานก่อสร้างภาครัฐที่ไม่มีงบประมาณลงมา
อย่างไรก็ตาม จังหวัดที่มีห้างสรรพสินค้าที่ติดหรือใกล้กับชายแดน เช่น จ.นครพนม อุดรธานี หนองคาย ยังพอไปได้ เนื่องจากคนจากฝั่ง สปป.ลาว ได้มาซื้อสินค้า
“ผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอที่ต้องการให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องเร่งด่วน หลังจากที่ยอดขายได้ลดลงต่อเนื่อง” ธนิต กล่าว
เดชรัต สุขกำเนิด นักวิชาการเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ผลจากการที่รัฐบาลค้างชำระหนี้ค่าข้าวให้เกษตรกรชาวนากว่า 1.3 แสนล้านบาท ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อการหมุนเวียนเศรษฐกิจระดับชุมชนในทุกระดับ ทั้งระดับหมู่บ้าน ตำบล จนถึงการใช้สอยในระดับจังหวัด เนื่องจากชาวนาทั้งประเทศมีประมาณ 30-35 ล้านคน เมื่อเงินขาดมือจึงกระทบต่อการใช้จ่ายของครัวเรือน หากรัฐไม่เร่งจ่ายเงิน คาดว่าใน 1-2 เดือนนี้ จะเห็นผลกระทบในระดับมหภาค
“ขณะนี้มีการชะลอตัวในการซื้อ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการผลิตสินค้าสำคัญๆ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค จนกระทบต่อการจ้างงาน การปลดคนงาน การลดชั่วโมงทำงาน ผมคาดว่าผลกระทบใหญ่กำลังก่อหวอด” เดชรัต กล่าว


