posttoday

"EARTH"ยุทธศาสตร์พิฆาตเพิ่มมาร์จิ้น-รายย่อย-ลดต้นทุนซื้อเหมือง

24 กุมภาพันธ์ 2557

โดย...โสภาวดี ธเนตปราโมทย์

โดย...โสภาวดี ธเนตปราโมทย์

1 ปี ที่บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ผงาดเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี นับเป็นบริษัทจดทะเบียนแรกที่เทียบชั้นเข้าไปอยู่ในกระดานเดียวกับหุ้นแอปเปิล ผู้ผลิตไอโฟน ซึ่งที่ตลาดแฟรงก์เฟิร์ตแห่งนี้เป็นตลาดที่มีมูลค่าตลาดรวมติดอันดับ 3 ของโลก ด้วยมูลค่า 3,000 ล้านยูโร จำนวนบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ท้องถิ่นกว่า 1,000 บจ. ไม่รวมบริษัทต่างชาติรวมทั้ง EARTH ที่แห่มาซื้อขายตลาดแห่งนี้อีกกว่า 1 หมื่นบริษัท และด้วยปริมาณ บจ.จำนวนมาก แต่ความผันผวนของตลาดกลับไม่มีเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทย

วันแรกที่หุ้น EARTH เข้าซื้อขายในชื่อย่อ 1EE ณ วันนั้นหุ้น EARTH ยังอยู่กระดานตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai เหมืองถ่านหินที่เป็นสมบัติของบริษัทไม่เพียง 1 เหมืองที่อินโดนีเซียเท่านั้น แต่ปัจจุบัน EARTH ขยับขึ้นมาอยู่กระดานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อย่างเงียบๆ ท่ามกลางเหมืองถ่านหินที่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 23 เหมือง

ไม่ใช่แค่ความภูมิใจของผู้ถือหุ้น แต่ผู้บริหารวัยกว่า 40 ปี อย่าง “ขจรพงศ์ คำดี” กรรมการผู้จัดการ กลับถือเป็นความสำเร็จอย่างงดงามที่มีวันนี้ของ EARTH

EARTH จากบริษัทขายถ่านหินเล็กๆ ของ “พิสุทธิ์ พิหเคนทร์” เข้าซื้อกิจการบริษัท แอดวานซ์เพ้นท์ (APC) เดิม และเข้าตลาดทางอ้อม ก่อนจะเปลี่ยนธุรกิจมาเป็น EARTH ในปัจจุบัน ที่สามารถล้างขาดทุนสะสมหมดเลี้ยง กลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นครั้งแรกในปี 2555 ด้วยปริมาณเงินสดในมือเกือบพันล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนการทำธุรกิจอีกนับหมื่นล้านบาท เป็นอาวุธให้ EARTH วางแผนซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอีก รวมถึงเหมืองอื่นๆ อีก 3 เหมืองในช่วง 4 ปีที่เหลือตามแผนพันธกิจ 5 ปี 5 เหมือง

“ขจรพงศ์” วันนี้ไม่ได้มุ่งทำงานแค่เมืองไทย แต่วิ่งรอกเข้าออกระหว่างไทยอินโดนีเซีย ไทยแฟรงก์เฟิร์ต เท่านั้น โดยเฉพาะที่แฟรงก์เฟิร์ต การให้ข้อมูลหรือการไปโรดโชว์เป็นระยะๆ ให้กับนักลงทุนสถาบันต่างชาติ เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่จะเพิ่มปริมาณนักลงทุนสถาบันต่างชาติ ผ่านการซื้อขายใน NVDR (ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย) ที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์

กรรมการผู้จัดการ EARTH กล่าวว่า แผนของ EARTH ขณะนี้คือ เดินตามยุทธศาสตร์ตามพันธกิจที่วางไว้ 5 ปี 5 เหมือง ซึ่งต้องดำเนินการให้สำเร็จภายในปี 2560 หรืออีก 4 ปีนับจากนี้ โดยมีเป้าหมาย คือ การซื้อเหมืองใหม่ที่เหลืออีก 3 เหมืองในอินโดนีเซีย

เริ่มจากปีนี้กำลังจะสวอปหุ้นและวอร์แรนต์แลก เหมืองที่ 4 การออกวอร์แรนต์ 4 (EARTHW4) ใช้แลก และเหมืองสุดท้ายออกหุ้นกู้ซื้อ ซึ่งทั้ง 3 เหมืองนี้คาดหวังว่าจะมีปริมาณถ่านหิน 120 ล้านตัน หรือเหมืองละ 40 ล้านตัน ส่วนเหมืองเดิมที่มีอยู่ 2 เหมือง ปริมาณ 86 ล้านตัน คือ เหมืองที่พม่า ปริมาณสำรองถ่านหิน 40 ล้านตัน และอินโดนีเซีย 43 ล้านตัน อีก 3 ล้านตันหมดในปีนี้ ซึ่งเหมืองเก่า 2 เหมืองนี้ จะมีถ่านหินให้ขุดถึง 40 ล้านตัน รองรับการส่งให้ลูกค้าได้ถึง 10 ปี หรือขุด 4 ล้านตันต่อปี อย่างสบายไร้กังวล

อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปตามแผน 5 เหมืองอย่างที่คาดหวังไว้ ไม่ว่าราคาถ่านหินจะผันผวนขึ้นลงแรงแค่ไหนหาได้กระทบกับ EARTH เพราะการมีเหมืองเป็นสมบัติของตัวเอง นั่นหมายถึงการยืนเหนือคู่แข่งด้านต้นทุนถ่านหินที่ต่ำกว่า ผลที่ตามมาอัตรากำไรขั้นต้น (กรอสมาร์จิ้น) ก็สูงขึ้นตาม หรือเป็นการเพิ่มมาร์จิ้นนั่นเอง แต่การมีเหมืองจำนวนมาก การระบายสินค้านับว่ามีความจำเป็น

หากจะได้มาร์จิ้นสูง EARTH ต้องไม่เจาะกลุ่มเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ ประเภทขายส่ง ที่มีอยู่ในขณะนี้ 80% ของยอดขาย แต่ต้องกระจายถ่านหินให้ถึงมือรายย่อยหรือการค้าปลีก ที่มีเพียง 20% ให้แซงขายส่งขึ้นมาให้ได้ เป็นการลดความเสี่ยงของราคาได้อีกทาง โดยขณะนี้ EARTH ได้ตั้งทีมล่าลูกค้าที่ประเทศจีน กัมพูชา ที่กำลังจะไปอีก คือ ฟิลิปปินส์

ดังนั้น แผน EARTH ต้องพิฆาตให้มีเหมือง 5 เหมือง เพื่อคุมต้นทุนให้ต่ำ ขยายฐานลูกค้ารายย่อย เพื่อเพิ่มมาร์จิ้นนั่นเอง และแม้ว่าราคาถ่านหินไม่ใช่ปรับตัวขึ้นสูงเหมือนหลายปีก่อน แต่ความต้องการถ่านหินของประเทศจีนยังมีอยู่มาก

ดังนั้น ราคาถ่านหินจึงไม่น่าจะตกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ราคาเริ่มดีขึ้นเล็กน้อยอย่างถ่านหินคุณภาพสูงปัจจุบันอยู่ที่ 8085 เหรียญสหรัฐ ขึ้นมาจาก 75 เหรียญสหรัฐ ส่วนถ่านหินคุณภาพต่ำ ขึ้นมาอยู่ที่ 40-50 เหรียญสหรัฐ จากที่เคยร่วงไป 38 เหรียญสหรัฐ

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา