posttoday

ม.ศรีประทุมแนะปั้นบุคลากรรองรับไทยฮับภูมิภาค

28 มกราคม 2557

พรหมเมศร์ ศิริสุขวัฒนานนท์

พรหมเมศร์ ศิริสุขวัฒนานนท์

อีกไม่ถึง 2 ปี ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี จะเริ่มต้นขึ้นปี 2558 และจะเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นแสดงว่านักศึกษาที่เรียนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จะต้องจบออกมาเพื่อพบกับสภาพตลาดที่เริ่มต้นรวมภูมิภาคอาเซียนเข้าด้วยกัน และนักศึกษาที่เริ่มต้นเรียนในปีนี้ต้องเผชิญหน้ากับเออีซีที่ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก แล้วทุกวันนี้เราได้เตรียมความพร้อมเรื่องคนไว้เพียงพอแล้วหรือยัง

ก่อศักดิ์ อาชวากร ผู้อำนวยการวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เปิดเผยว่า เรื่องของความรู้ความสามารถ ต้องบอกว่าบุคลากรไทยไม่เป็นรองประเทศอื่นๆ แต่สิ่งที่ยังไม่พร้อมคือเรื่องของภาษาและการสื่อสาร นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ยังหมายถึงภาษาอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น ภาษาจีน ซึ่งบุคลากรไทยต้องเร่งฝึกอบรมส่วนนี้ให้มากขึ้นโดยเร็ว

อีกส่วนหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นอุปสรรคที่หลายคนมองข้าม แต่มีผลกระทบคือ การทำงานข้ามวัฒนธรรม เนื่องจากคนไทยขาดความเข้าใจวัฒนธรรมของคนต่างประเทศ เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและเรียนรู้ให้มากขึ้น ทั้งหมดถือเป็น Global Competency ที่จำเป็นในโลกยุคไร้พรมแดน

ดังนั้น สถาบันการศึกษาต่างๆ จำเป็นต้องปรับหลักสูตรให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคมากขึ้น เช่น การมีหลักสูตรนานาชาติ เมื่อโลกมีเทคโนโลยีที่ทำให้การเดินทาง การสื่อสารแคบลง มีการถ่ายโอนเงินทุนและแรงงานมากขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนทางภาษาและวัฒนธรรม การเรียนหลักสูตรนานาชาติก็มีบทบาทมากขึ้น อีกรูปแบบหนึ่งคือ การทำ Dual Degree โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาไทยกับต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนนักศึกษาให้ได้ทั้งภาษา ประสบการณ์ วัฒนธรรม ได้ไปเห็นของจริง

ธนา สุขวารี รองคณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรด้านไอที เป็นวิชาชีพหนึ่งที่ตลาดมีความต้องการสูงมาก และยังขาดแคลน ซึ่งที่ผ่านมายังมีปัญหาคือ คนไอทีทำงานไม่ตรงกับวิชาชีพ ทำให้จำนวนบัณฑิตที่จบออกมาสู่ตลาดงานมีแนวโน้มลดน้อยลง ทั้งที่เป็นวิชาชีพที่มีค่าตอบแทนสูงเริ่มต้น 2 หมื่นบาท อีกทั้งยังพบว่าระดับนักเรียนมัธยมคิดว่าการเรียนด้านไอทีเป็นวิชาที่ยาก แต่ความเป็นจริง หากมีการเตรียมความพร้อมก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“เป็นเรื่องของโรงเรียนที่ต้องเตรียมความพร้อมเด็กตั้งแต่มัธยม เพื่อให้ได้เด็กที่ตรงสายจริงๆ และต้องทำความเข้าใจว่าเด็กที่ใช้งานคอมพิวเตอร์คือผู้ใช้ ไม่ใช่นักพัฒนา แต่การเรียนไอทีคือเรียนเพื่อเป็นนักพัฒนา”ธนา กล่าว

สำหรับแนวทางของสถาบันการศึกษายุคใหม่ ต้องร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อวางหลักสูตรตั้งแต่เริ่มแรกให้ตรงกับความต้องการของตลาด ส่วนนี้จะทำให้เกิดการเรียนรู้แบบองค์รวมตั้งแต่ต้น และส่งนักศึกษาไปฝึกงานจริงกับภาคอุตสาหกรรมโดยตรง มีการทำโครงงานต่างๆ และมีโอกาสได้รายได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ดังนั้น เมื่อเรียนจบ 4 ปี จะได้บัณฑิตที่ไม่ได้มีแต่ความรู้ แต่มีประสบการณ์ทำงานจริง ไม่ใช่แค่การฝึกงานเท่านั้น และบางคนอาจผ่านเวทีการแข่งขันระดับประเทศหรือระดับภูมิภาคอาเซียนมาแล้วด้วย

ทั้งหมดคือกระบวนการสร้างคนไอทีที่พร้อมใช้งานเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งคำถามที่ว่า เมื่อเรียนจบจะทำงานที่ไหนไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป เพราะทุกคนที่มีประสบการณ์ มีใบรับรองระดับอินเตอร์เนชั่นแนล สามารถเปิดบริษัทเองได้ รับงานตรงได้ และดึงงานจากต่างประเทศ สร้างรายได้เข้าไทยมากขึ้น

สุดท้ายจะเห็นภาพรวมของบัณฑิตที่ถูกสร้างออกมาเพื่อพัฒนาประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางหรือฮับของภูมิภาค หากจะบุกต่างประเทศ นั่นคือการนำธุรกิจใหม่ออกไปแข่งขัน ไม่ใช่ลักษณะของสมองไหลไปสร้างสรรค์งานให้ประเทศอื่น

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2