posttoday

คริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต จากหิ้ง สู่ ห้างฯ

21 มกราคม 2557

หลายครั้งที่งานวิจัยทางวิชาการ ถูกทิ้งร้างไว้บนหิ้ง ไม่ได้ถูกดึงมาใช้งาน

รายงานโดย เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร

หลายครั้งที่งานวิจัยทางวิชาการ ถูกทิ้งร้างไว้บนหิ้ง ไม่ได้ถูกดึงมาใช้งาน ทำให้งานวิจัยทาง วิชาการไม่ได้ถูกนำมาต่อยอดเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้น คือเมื่อต่อยอด งานวิจัยออกมาเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว หากขาดการผลักดันให้เติบโต สุดท้ายก็ไม่เกิดประโยชน์เช่นเดียวกัน

นี่คืออุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ไม่สามารถไปได้ถึงเป้าหมาย แต่สำหรับ บริษัท คริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต ยังคงเดินหน้าต่อ เพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัยไปให้ถึงฝั่งฝันให้ได้

 

คริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต จากหิ้ง สู่ ห้างฯ จาตุพงศ์ วาฤทธิ์ หุ้นส่วนที่ปรึกษา

จาตุพงศ์ วาฤทธิ์ หุ้นส่วนที่ปรึกษา และ นราพร มุสิกะนันทน์ วาฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต คู่ชีวิตที่ร่วมกันผลักดันงานวิจัยจากบนหิ้ง สู่ผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง ภายใต้แบรนด์ “คริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต” (Crispy Veg & Fruit) และ Crispi_i  เริ่มจากผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง ก่อนขยายมาเป็นกล้วยและสัปปะรดอบแห้งและชาลำไย

“ตอนที่คิดค้นงานวิจัยลำไยอบแห้ง เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เพราะเห็นปัญหาลำไยล้นตลาด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกหลัก ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรอย่างมาก แต่อุปสรรคของวิจัยไทย คือขาดการต่อยอดในเชิงพาณิชย์ จึงตัดสินใจใช้เงินของครอบครัวมาลงทุนในการแปรรูปผลไม้” จาตุพงศ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เล่าถึงที่มาของการเกิดธุรกิจคริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต ในวันนี้

ธุรกิจผลไม้อบแห้ง คริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต เริ่มมาประมาณ 3 ปี โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 10 ล้านบาท พัฒนาผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง ด้วยเทคโนโลยีการอบแห้งแบบสุญญากาศ (Vacuum Dry) ที่ จาตุพงศ์ คิดค้นเครื่องจักรเอง และมีต้นทุนถูกกว่าการแปรรูปที่ใช้เทคโนโลยี Freeze Dry หรือ การอบแห้งด้วยการแช่เยือกแข็ง จากนั้น นราพร ดูแลด้านการตลาดและการขาย เป็นกำลังหลักในการผลักดันผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ซึ่งปี 2556 ที่ผ่านมา มียอดขายประมาณ 6 ล้านบาท โดยมีตลาดหลักอยู่ใกล้เมืองไทย เช่น สิงค์โปร มาเลเซีย ฮ่องกง จีน ตะวันออกกลาง รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป

ขณะเดียวกัน เริ่มขยายช่องทางจำหน่ายในประเทศมากขึ้น หลังจากผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักจากการออกงานโอท็อป ปัจจุบัน วางจำหน่ายที่เดอะมอลล์ วิลล่า มาร์เก็ต เลมอน ฟาร์ม และท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ สัปปะรด และกล้วยอบแห้ง

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ แนวโน้มยอดขายในประเทศเริ่มชะลอ จากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาลดลง ประกอบกับการเปิดศูนย์จำหน่ายโอท็อปของกรมพัฒนาชุมชน บริเวณพื้นที่ใต้ทางด่วน ต้องเลื่อนออกไป ทำให้ปีนี้บริษัทจะมุ่งหาผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเปิดรับผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปเพื่อสุขภาพเป็นอย่างดี

“ลำไยอบกรอบ เป็นสินค้านวัตกรรมประเภทอาหารเพื่อสุขภาพ หรือ Functional Food ซึ่งในตลาดโลกอาหารประเภทนี้กำลังเติบโตอย่างมาก จึงเป็นโอกาสในทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ คริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต ที่จะขยายตลาดส่งออกต่อไป”

นราพร กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือ ขาดงบโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การโปรโมตสินค้าใหม่ ในบางประเทศ อย่างญี่ปุ่น ยังไม่รู้จักลำไย ทำให้ขยายตลาดได้ยาก แม้จะเป็นประเทศเป้าหมายแห่งหนึ่ง ขณะที่ผู้ซื้อจากประเทศเกาหลีเริ่มติดต่อขอซื้อผลิตภัณฑ์ โดยช่องทางจำหน่ายยังมีไม่เพียงพอ

“อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือ ให้ผลักดันต่อ ไม่ใช่แค่สนับสนุนให้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ แต่ขาดการบ่มเพาะ ผลักดันให้เติบโตต โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่สายป่านไม่ยาว โอกาสปิดตัวจะมีสูง” นราพรกล่าวทิ้งท้าย

 
 


 

ข่าวล่าสุด

ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต “เชษฐ์ปาดัง” เลขานายกปาดังเบซาร์