posttoday

หนุนอุตฯของเล่นปรับตัว

07 มกราคม 2557

รับตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาเติบโตแนะ3เทรนด์ใหม่พัฒนาสินค้าสู้คู่แข่ง

รับตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาเติบโตแนะ3เทรนด์ใหม่พัฒนาสินค้าสู้คู่แข่ง

กสอ.แนะอุตฯ ของเล่นปรับตัวรับตลาดส่งออกทั่วโลกยังสดใส ชี้แนวการศึกษาฝึกสมองทำจากไม้มาแรง

นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า กรมได้มุ่งสนับสนุนและผลักดันผู้ประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมของเล่นเด็กไทยปรับตัว ภายใต้ 3 กลยุทธ์ คือ 1.การพัฒนากระบวนการผลิตของเล่นเด็กประเภทของเล่นเพื่อการศึกษาให้มีคุณภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด 2.การส่งเสริมการใช้วัตถุดิบทางการผลิตที่ปลอดจากสารพิษ 3.การเน้นการออกแบบที่สวยงามยากต่อการลอกเลียนแบบ

สำหรับอุตสาหกรรมของเล่นเด็กในประเทศไทย มีมูลค่ารวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2556 มีมูลค่าการส่งออกราว 6,000 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปี 2555 แต่ประเทศไทยยังเป็นผู้ส่งออกของเล่นเด็กรายสำคัญอันดับที่ 14 ของโลกด้วยสัดส่วนกว่า 1% ของมูลค่าการส่งออกของเด็กเล่นทั้งหมดในตลาดโลก โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป

ขณะที่สถานการณ์การส่งออกอุตสาหกรรมของเล่นเด็กของไทยในปี 2557 นี้ จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยอาจยังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งจากคู่แข่งที่ผลิตของเล่นเด็กคุณภาพปานกลางและมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าประเทศไทย อย่างจีนและฮ่องกง ที่สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาด โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 60% ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมในตลาดโลก ทำให้ผู้ผลิตของเล่นเด็กในไทยต้องเผชิญกับปัจจัยลบทั้งศักยภาพการผลิตและการตลาด รวมถึงแนวโน้มต้นทุนการผลิตจากวัสดุต่างๆ ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม ตลาดของเล่นเด็กไทยที่ยังมีศักยภาพการส่งออกดีอยู่ในแถบเอเชีย และประเทศใหม่ๆ อาทิ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย เห็นได้จากอัตราการเติบโตการส่งออกของเล่นเด็กไทยที่ส่งไปยังตลาดดังกล่าวในช่วง 11 เดือนของปี 2556 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 102% และคาดว่าในปี 2557 ทั้งเกาหลีใต้ อินเดีย และมาเลเซีย จะยังเป็นตลาดส่งออกที่ขยายตัวดีตามภาวะเศรษฐกิจ โดยในปีที่ผ่านมาตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาในตลาดโลก รวมกว่า 1.75 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตอีกมาก

นายดลภัทร์ เลาติเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พิณ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ผลิตและส่งออกของเล่นทำจากไม้ยางพารา ภายใต้แบรนด์ พิณทอย (PINTOY) กล่าวว่า อุตสาหกรรมของเล่นเพื่อการศึกษาเชิงสร้างสรรค์สำหรับเยาวชนไทยที่กำลังเป็นที่ต้องการ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.สินค้าของเล่นที่ช่วยเสริมพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ 2.สินค้าของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านการสื่อสาร จินตนาการ เป็นต้น และ 3.สินค้าของเล่นประเภทที่ช่วยส่งเสริมทักษะทางด้านคณิตศาสตร์

สำหรับแผนในปีนี้บริษัทได้ขยายฐานลูกค้าผ่านการขยายไลน์การผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น เช่น เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ขนาดเล็ก และสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัยรุ่น พร้อมนำระบบการตลาดออนไลน์เข้ามาปรับใช้ในองค์กรด้วย โดยในปี 2556 บริษัทมียอดส่งออกราว 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 300 ล้านบาท ลดลงประมาณ 11.7% จากปี 2555

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน