ไอซีไอ ดูลักซ์ คาดตลาดสีทาบ้านรวมโตได้ 5%
ไอซีไอ ดูลักซ์ คาดเศรษฐกิจชะงักระยะสั้น คาดตลาดสีทาบ้านรวมโตได้ 5% จากตลาดต่างจังหวัดโต เดินหน้าทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท อัดแคมเปญช่วงคู่แข่งชะลอลงทุน
ไอซีไอ ดูลักซ์ คาดเศรษฐกิจชะงักระยะสั้น คาดตลาดสีทาบ้านรวมโตได้ 5% จากตลาดต่างจังหวัดโต เดินหน้าทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท อัดแคมเปญช่วงคู่แข่งชะลอลงทุน
นายจรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) ผู้ผลิตสี ภายใต้แบรนด์ ไอซีไอ ดูลักส์, ไอซีไอ ซุปเปอร์โคท และสีย้อมไม้ ไอซีไอ คิวปรีโนล เปิดเผยว่า จากปัญหาทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทยให้สะดุดลง แต่บริษัทเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเพียงปัจจัยลบในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งมาก ดังนั้นหากม็อบจบลงเมื่อใดเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง
ทางด้านตลาดสีทาบ้านในประเทศไทยในขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางการเมืองมากนัก เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังเติบโตดี และตลาดสีในต่างจังหวัดซึ่งมีสัดส่วนราว 60 – 70% จากตลาดรวมสีทาบ้านมีอัตราการเติบโตที่ดี และดีกว่าตลาดสีทาบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีสัดส่วน 30 – 40%
บริษัทจึงคาดหมายได้ว่าตลาดสีทาบ้านในประเทศไทยในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ราว 5% หรือมีมูลค่าตลาดรวมราว 1.11 หมื่นล้านบาท หรือคิดปริมาณ 139 ล้านลิตร จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 132 ล้านลิตร ในขณะที่ปี 2551 ตลาดสีมีมูลค่าสูงสุดโดยมีมูลค่าถึง 1.25 หมื่นล้านบาท หรือมีปริมาณ 155 ล้านลิตร
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ ในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทแม่ที่ประเทศเนเธอร์แลรนด์ กลับมองว่าเป็นโอกาสในการส่งเสริมตลาดเพื่อให้เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคจดจำได้ง่าย ในขณะที่คู่แข่งชะลอการทำตลาด จึงยังเดินหน้าทุ่มงบการตลาดมากกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถบอกได้เป็นตัวเลขที่ชัดเจน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 – 10 แห่ง ผ่านนักลงทุนรายใหม่ และรายเก่าที่ต้องการดำเนินธุรกิจสีทาบ้าน โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านเปิดไปแล้ว 1 สาขา โดยแต่ละสาขาจะต้องลงทุนราว 1 – 2 ล้านบาท
นายจรุง เผยต่อว่า เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาบริษัทได้รับฉลากคาร์บอน ที่ยืนยันว่าบริษัทดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อม หลังจากบริษัทได้รับฉลากเขียวไปแล้ว โดยนับจากนี้ไปบริษัทจะชูฉลากทั้งสอง และตอกย้ำความเป็นบริษัทที่รักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อให้ผู้บริโภคที่ตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดโลกหันมาใช้สินค้าของบริษัท และยังเป็นการชูสินค้าให้เข้าถึง หรือใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งบริษัทคาดว่าจะแผนทั้งหมดจะทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักในปีนี้


