posttoday

ชาวนารุ่นใหม่ปลูกข้าวญี่ปุ่นนำเทรนด์ตลาด

27 ธันวาคม 2556

จากนโยบายของรัฐบาลที่เดินหน้าโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลกระทบต่อธุรกิจข้าวไทยในทุกระดับ

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

จากนโยบายของรัฐบาลที่เดินหน้าโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลกระทบต่อธุรกิจข้าวไทยในทุกระดับ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้เกษตรกรไทยจาก จ.เชียงราย ต้องเปลี่ยนแนวทางการปลูกข้าวใหม่หันมาปลูกข้าวญี่ปุ่น เพราะเป็นข้าวที่มีคู่แข่งในตลาดน้อยราย และที่สำคัญมีราคาสูง เป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก

“สุทิน กองทอง” เจ้าของโรงสีเกริก จ.เชียงราย ที่ได้มุ่งปลูกข้าวสายพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่น เพราะมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้นำเข้าข้าวสายพันธุ์ใหม่จากประเทศญี่ปุ่นมาทดลองปลูกในพื้นที่ ทำให้สนใจหันมาปลูกข้าวญี่ปุ่นในบริเวณต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย แล้ว พันธุ์ “อะคิตะโคมาชิ” ที่เหมาะกับประเทศไทยมาก

สำหรับการเลือกปลูกข้าวญี่ปุ่น เพราะความต้องการบริโภคในไทยสูงมาก เห็นได้จากจำนวนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และคนไทยนิยมรับประทานอาหารญี่ปุ่นสูงขึ้น โดยมูลค่าตลาดรวมข้าวญี่ปุ่นอยู่ที่ 8,0001 หมื่นตันต่อปี และเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมีแหล่งปลูกสำคัญอยู่ที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และลำพูน

สุทิน กล่าวว่า ได้ปลูกข้าวญี่ปุ่นอย่างจริงจังในปี 2550 หลังจากนั้นจึงมีแผนขยายการปลูกในพื้นที่เพิ่มขึ้น โดยมีเกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกข้าวญี่ปุ่น ส่งข้าวให้แก่โรงสีเกริกเป็นเครือข่ายการผลิตร่วมกัน รวมจำนวน 500600 ครอบครัว รวมพื้นที่ 4,000 ไร่ ซึ่งการให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวญี่ปุ่นนั้น ต้องแนะนำให้ความรู้อย่างเต็มที่ รวมแล้วได้ผลผลิตประมาณ 1,5002,000 ตันต่อปี มีราคาขายเฉลี่ยที่ 4042 บาทต่อกิโลกรัม มีกลุ่มลูกค้าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย และกลุ่มที่ทำแบรนด์ข้าวญี่ปุ่น

ความแตกต่างของข้าวญี่ปุ่น คือ ต้องดูแลอย่างเต็มที่ในทุกขั้นตอน เพราะเมื่อปลูกในไทยจะมีความอ่อนไหวต่อสภาพอากาศในไทย และชื่นชอบอากาศเย็น ซึ่งข้าวญี่ปุ่นแตกต่างจากข้าวไทย คือเมื่อเกี่ยวข้าวแล้วต้องนำเข้าโรงอบข้าวทันที

แต่ในปีนี้การปลูกข้าวญี่ปุ่นในประเทศไทยกำลังประสบปัญหา มีบริษัทเอกชนไทยที่ส่งออกข้าวรายใหญ่ นำเข้าข้าวราคาถูกจากประเทศเวียดนามเข้ามาทำตลาดในประเทศ กระทบต่อผู้ปลูกข้าวญี่ปุ่นในไทยในตลาดกลางและล่าง ดังนั้น จึงได้รวมกลุ่มกับเกษตรกรไทยที่ปลูกข้าวญี่ปุ่น จัดตั้งเป็น “ชมรมผู้ประกอบการข้าวญี่ปุ่นแห่งประเทศไทย” มีสมาชิก11 ราย เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์แนวทางปลูกข้าวญี่ปุ่นในไทย เพื่อให้มีต้นทุนถูกและมีคุณภาพสูง

ดังนั้น หากชมรมแนะนำผู้ประกอบการไทยลดต้นทุนการผลิตแต่มีคุณภาพสูงเช่นเดิม ก็จะทำให้ข้าวญี่ปุ่นที่ปลูกในไทยมีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น ซึ่งข้าวญี่ปุ่นนำเข้าจากประเทศเวียดนามแม้มีราคาถูก แต่มีคุณภาพต่ำกว่าจากไทย โดยข้าวญี่ปุ่นที่ปลูกในไทยจะมีความพิเศษ ทั้งเมล็ดใหญ่ มีความเหนียวหนึบ รสชาติดี มีสารอาหารสูง

ขณะเดียวกันโรงสีเกริกก็ต้องมุ่งพัฒนาการปลูกข้าว และมุ่งปลูกข้าวพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงและมีความต้องการในตลาด ซึ่งได้ขยายการปลูกไปยังข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมนิลข้าวเหนียวดำ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพราะตลาดโลกต้องการสูง โดยสัดส่วนการผลิตเป็นข้าวญี่ปุ่น 70% ที่เหลือเป็นข้าวไทย

นอกจากนี้ โรงสีเกริกยังมุ่งบริหารจัดการภายใน ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งมุ่งดูแลแรงงานและพนักงานอย่างดี ทำการปลูกข้าวอย่างครบวงจร ทั้งปลูกเอง เก็บเกี่ยว และมีโรงสีของตัวเอง

อีกทั้งยังได้มุ่งต่อยอดข้าวที่มีอยู่ นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสุขภาพ โดยได้นำรำข้าวมาแปรรูปเป็นทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ภายใต้ชื่อ “ถาดทอง”เริ่มวางจำหน่ายแล้วผ่านเว็บไซต์ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รวมทั้งได้รับการค้ำประกันสินเชื่อ ด้านเงินทุนจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

สุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่า การปลูกข้าวญี่ปุ่น แม้จะยากและเป็นเรื่องท้าทายที่มาปลูกในไทย แต่สามารถทำได้ ด้วยจิตใจมุ่งมั่นและตั้งใจเต็มที่ รวมทั้งเรียนรู้ร่วมกับนักวิชาการในมหาวิทยาลัย พร้อมกับไม่หยุดที่จะปรับตัวและพัฒนาการปลูกข้าว เพื่อมุ่งปลูกข้าวให้มีคุณภาพสูง ผลที่ผ่านมาจึงสร้างรายได้ต่อปีมากกว่า 100 ล้านบาท

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568