โมโนเคิล
จากแนวคิดของ ไทเลอร์ บรูเล (Tyler Brule) อดีตนักหนังสือพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จจากการก่อตั้งนิตยสารดีไซน์ชื่อดังและการสร้างแบรนด์ โมโนเคิล (Monocle) พร้อมเปิดร้านชื่อเดียวกันเป็นสาขาแรกในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในรูปแบบฟรีสแตนดิง ช็อป ด้วยคอนเซปต์ของร้าน คือ เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนไอเดียและแหล่งรวมสินค้าที่ถูกคัดเลือกมาด้วยรสนิยมเดียวกัน เพื่อทั้งเลือกซื้อและสะสม
จากแนวคิดของ ไทเลอร์ บรูเล (Tyler Brule) อดีตนักหนังสือพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จจากการก่อตั้งนิตยสารดีไซน์ชื่อดังและการสร้างแบรนด์ โมโนเคิล (Monocle) พร้อมเปิดร้านชื่อเดียวกันเป็นสาขาแรกในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในรูปแบบฟรีสแตนดิง ช็อป ด้วยคอนเซปต์ของร้าน คือ เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนไอเดียและแหล่งรวมสินค้าที่ถูกคัดเลือกมาด้วยรสนิยมเดียวกัน เพื่อทั้งเลือกซื้อและสะสม
ด้วยรูปแบบที่เรียกได้ว่าเป็นร้านค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจค้าปลีกที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในเมืองใหญ่ทั่วโลก ที่ตอบโจทย์ความต้องการสินค้า ทั้งด้านรสนิยมส่วนตัวที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันไปพร้อมกัน ทำให้ บรูเล เดินหน้าขยายสาขาโมโนเคิล ช็อป ไปยังเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกในปัจจุบัน อาทิ ลอนดอน นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส โตรอนโต โตเกียว และฮ่องกง
กระแสความเป็นเมืองนี่เอง ที่ขยายตัวตามกำลังซื้อผู้บริโภคที่ขยับสู่ชนชั้นกลางมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เจ้าของโมโนเคิลตัดสินใจขยายสาขาร้านโมโนเคิลในรูปแบบซีซั่นนอล ช็อป เป็นแห่งแรกในเอเชียที่ประเทศไทย ในศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ด้วยหวังจะถ่ายทอดรสนิยมนี้ให้บรรดาแฟชั่นนิสต้าและเออร์เบินนิสต้าชาวไทยได้สัมผัส
ปัจจุบัน ร้านโมโนเคิลในรูปแบบซีซั่นนอล ช็อป ได้เปิดมาแล้วทั่วโลก ตั้งแต่ เบรุต อิสตันบูล ปารีส และสตอกโฮล์ม ส่วนสาขาในไทยนั้น ถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้คอนเซปต์ร้านแบบนี้ในเอเชีย เนื่องจากกรุงเทพฯ เริ่มกลายเป็นศูนย์กลางการช็อปปิ้งที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ การเลือกสถานที่แห่งนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการที่โมโนเคิลจะสามารถก้าวต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย รวมถึงออสเตรเลียอีกด้วย
ขณะที่การเข้ามาของร้านโมโนเคิล ซีซั่นนอล ช็อป ในไทยครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับเทรนด์พฤติกรรมชาวไทย รวมไปถึงนักช็อปชาวเออร์เบินนิสต้า ให้ได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าที่แปลกใหม่ รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบในสินค้าที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรสนิยมอันบรรเจิด
สำหรับสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยนั้น ได้วางแนวคิดให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคชาวไทย แต่ยังคงความพรีเมียมตามแบบฉบับของโมโนเคิลเอาไว้ ทั้งหนังสือ กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า น้ำหอม ของแต่งบ้าน เครื่องเขียน ไปจนถึงของใช้จิปาถะ พร้อมร่วมงานกับนักออกแบบชื่อดังจากทั่วโลก ทำให้สินค้าแทบทุกชิ้นในร้านเป็นผลงานความร่วมมือแบบคอลลาบอเรชั่น ที่ทำออกมาเพื่อแสดงออกถึงลักษณะเฉพาะตัวของแฟนๆ โมโนเคิลด้วย
สำหรับการดำเนินธุรกิจดังกล่าว รวมทั้งการขยายสาขามายังประเทศไทย ที่ทำให้โมโนเคิลตัดสินใจลงทุนแบบมองขาดนั้นมาจากแนวโน้มความเป็นเมืองที่ขยายลุกลามออกไปยังทั่วโลกที่จะเป็นกำลังซื้อสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์นับจากนี้


