posttoday

หมอลำซิ่ง-กันตรึมเพลงพื้นบ้านเชื่อมไทย ลาว เขมร

06 ธันวาคม 2556

เพลงพื้นบ้านภาคอีสานถือเป็นเพลงที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และสะท้อนความหลากหลายของผู้คนในพื้นที่แถบนี้

โดย...อัฏฐวรรณ ลวณางกูร

เพลงพื้นบ้านภาคอีสานถือเป็นเพลงที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และสะท้อนความหลากหลายของผู้คนในพื้นที่แถบนี้ ที่เชื่อมโยงถึงเพื่อนบ้านอย่างลาวและกัมพูชา ซึ่งอยู่ร่วมกันบนพื้นที่นี้มายาวนานก่อนแยกเป็นรัฐชาติ

หัวข้อนี้ถูกหยิบมาพูดถึงในงานสัมมนา “อีสานลาวขแมร์ศึกษา ในกรอบประชาคมอาเซียน” ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และมูลนิธิโตโยต้า ประเทศไทย

สำรวม ดีสม หรือฉายา “น้ำผึ้ง เมืองสุรินทร์” ศิลปินพื้นบ้านกันตรึม จ.สุรินทร์ เล่าว่า เพลงกันตรึมเป็นดนตรีพื้นบ้านของแถบอีสานใต้ที่มีความเชื่อมโยงกับขอมโบราณ สันนิษฐานว่าเพลงกันตรึมน่าจะมีอายุยาวนานหลายพันปี ตั้งแต่ในยุคที่มีความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ และศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เริ่มจากการใช้ในพิธีบวงสรวงและพัฒนามาเล่นในเทศกาลรื่นเริงต่างๆ ในระยะหลัง

ศิลปินกันตรึมในปัจจุบันพยายามรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้ โดยคงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เดิมเอาไว้ ควบคู่ไปกับการปรับเทคนิคการร้องให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ปรับมาใช้ภาษาง่ายๆ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าใจได้มากขึ้น และแทนที่จะใช้ดนตรีโบราณก็เพิ่มกลองชุด กีตาร์ เบส แซ็กโซโฟน ประยุกต์เข้าไปให้เกิดความสนุกสนาน และได้รับเสียงตอบรับดี

ทุกวันนี้ยังเดินทางไปแสดงที่ลาวและกัมพูชาอยู่เป็นระยะ ซึ่งน่าสังเกตว่า แม้ จ.สุรินทร์จะพูดภาษาใกล้เคียงกับคนกัมพูชา แต่ก็มีสำเนียงที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เพลงกันตรึมยังเป็นเครื่องมือที่เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างกันได้

ราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร ศิลปินหมอลำอาวุโส เจ้าของฉายา “ราตรี ศรีวิไล” บอกว่า เรียนรู้เพลงหมอลำจากพ่อแม่ ซึ่งแรกๆ เป็นหมอลำกลอนที่ใช้เครื่องดนตรีแคนเพียงอย่างเดียวก็สามารถดึงคนฟังได้นาน จนกระทั่งปี 2529 วงการหมอลำเดินมาถึงจุดเปลี่ยน หมอลำกลอนซบเซา ศิลปินจึงต้องปรับตัว จึงเกิด “หมอลำซิ่ง” ที่เน้นจังหวะเร็วแบบเต้นในเธค และใช้เครื่องดนตรีสมัยใหม่เข้ามาร่วม เป็นการปรับตัวเพื่อต่อลมหายใจของดนตรีพื้นบ้าน

เพราะตอนนั้นคนหาเงินเป็นวัยรุ่น ไม่ใช่คนแก่ที่เลี้ยงลูกหลานอยู่บ้าน จึงมีสิทธิเลือกวงดนตรีที่จะมาเล่นในงานเทศกาลต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดการตีกันบ่อยๆ เนื่องจากวัยรุ่นใจร้อน ขณะที่ปัจจุบันวงดนตรีหมอลำก็เริ่มปรับมาผสมผสานหมอลำกลอนกับหมอลำซิ่ง เพื่อเอาใจผู้ฟังทั้งสองกลุ่ม เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองวัย

น่าสนใจว่าไทยและประเทศในอาเซียนมีเครื่องดนตรีคล้ายกัน และหมอลำก็เป็นเพลงพื้นบ้านที่เข้าถึงคนทุกชนชั้น เป็นสื่อที่เข้าใจง่ายสำหรับคนที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ทำให้สื่อสารกันได้เข้าใจในแถบนี้ โดยเฉพาะกับลาว และมีจิตวิญญาณที่เข้าใจกันได้

ด้าน จารุวรรณ ธรรมวัตร ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มองว่า วัฒนธรรมอีสานต้องเคารพกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ในดินแดนแถบนี้มาช้านาน

ขณะที่การปรับตัวของหมอลำและกันตรึมสะท้อนถึงการก้าวข้ามชาตินิยมไทย ชาตินิยมอีสาน เป็นการแสดงที่อยู่ระหว่างวัฒนธรรมที่หลากหลายของคนไทย ลาว และกัมพูชา ถือเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมของคนอีสานที่มีทุนทางวัฒนธรรมแฝงอยู่ ทั้งท่ารำ เนื้อหา บวกกับการรับวัฒนธรรมสมัยใหม่ผ่านเครื่องดนตรี แสงสีต่างๆ

ทุนทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือที่ทำให้ทะลุทะลวงเข้าหากัน และเชื่อมโยงอาเซียนได้ ซึ่งเจ้าอาณานิคมก็เคยใช้วิธีนี้ในอดีต

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"